สืบเนื่องจากโครงการเงินดิจิทัล 10,000 บาท ของรัฐบาล ที่ดำเนินการแจกจ่ายให้กับกลุ่มเปราะบาง ผู้ประกอบการค้าปลีก-ค้าส่ง รายใหญ่ในภาคอีสาน เปิดเผยว่า เงินส่วนนี้ไม่เห็นภาพของการนำมาใช้เพื่อซื้อสินค้ามากนัก เพราะเป็นเงินสด สามารถเบิกจ่ายได้เต็มจำนวน ไม่มีเงื่อนไขการใช้ และไม่มีข้อกำหนดมาควบคุมเพื่อให้เกิดความคุ้มค่า ซึ่งกลุ่มเปราะบางที่ได้รับเงิน มักเป็นกลุ่มที่มีหนี้สิน ประสบปัญหาทางด้านการเงิน เกรงว่าเงินส่วนนี้จะถูกนำใช้หนี้แทนและไม่สามารถกระตุ้นเศรษฐกิจได้
นายไชยวัฒน์ อึงสวัสดิ์ ประธานกรรมการบริษัท ทรีมันนี่ โฮลดิ้ง จำกัด และรองประธานสภาวัฒนธรรมไทย-จีนและส่งเสริมความสัมพันธ์ เปิดเผย "ฐานเศรษฐกิจ" ว่า ในประเด็นดังกล่าวหากประเมินเบื้องต้น กลุ่มเปราะบางที่ได้รับเงิน 10,000 บาท นำเงินที่ได้ไปใช้หนี้จริง โดยไม่ใช่หนี้ในระบบอย่างหนี้ธนาคาร หรือหนี้พิโกไฟแนนซ์ภายใต้การกำกับกระทรวงการคลัง แต่ล้วนเป็นหนี้นอกระบบทั้งสิ้น เพราะกลุ่มเปราะบางไม่สามารถกู้เงินในระบบที่มีกฎระเบียบและข้อบังคับได้ และล้วนแต่เป็นลูกหนี้นอกระบบ 100%
สำหรับกลุ่มเปราะบางที่นำเงิน 10,000 บาท ไปใช้หนี้นอกระบบจะมีอยู่ 3 ประเภท
"เงินกู้นอกระบบจะกู้ง่ายได้คล่อง มีเงินต้น มีดอกเบี้ย ถ้าใครกู้แล้วมีมาคืนก็จบ ขณะที่เงินในระบบต้องมีเอกสาร มีกฏหมายควบคุม กลุ่มเปราะบางที่ไม่มีความรู้จะกลัว เรื่องนี้รัฐบาลไม่มีนโยบายมาแก้ไขได้ และไม่มีรัฐบาลชุดไหนสนใจเข้ามาแก้ปัญหาอย่างจริงจังให้เป็นรูปธรรม"
นายไชยวัฒน์ กล่าวว่า มีกลุ่มเปราะบางอยู่บ้างที่ใช้บริการพิโกไฟแนนซ์ แต่อยู่ในส่วนน้อยมาก ซึ่งทำให้ผู้ประกอบการหลายรายมักประสบปัญหาในการฟ้องร้อง บังคับคดี ยึดทรัพย์ ขายทอดตลาด ทำให้การแก้ปัญหาหนี้ในระบบโดยพิโกไฟแนนซ์ไม่ประสบความสำเร็จ และโครงการแจกเงิน 10,000 บาท ไม่สามารถการกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศไทยได้ แม้คนส่วนหนึ่งจะเก็บเงินก้อนนี้เข้ากระเป๋าไว้ต่อยอดประทังชีวิต แต่บางคนนำย้อนกลับเข้าไปสู่การใช้หนี้นอกระบบ ใช้ดอกเบี้ย โดยไม่ได้ใช้คืนเงินต้นด้วยซ้ำ
"เรื่องนี้คือความเข้าใจส่วนตัวของผมจากประสบการณ์ และวิเคราะห์ในมุมมองที่เห็นในพื้นที่ ซึ่งภาครัฐอาจจะมีข้อมูลที่วิเคราะห์เรื่องนี้หรือมีข้อเท็จจริงที่มากกว่า แต่หากให้เทียบกันระหว่างโครงการแจกเงิน 10,000 บาท ที่ตรวจสอบการใช้จ่ายไม่ได้ว่าคนนำไปใช้จ่ายกับอะไร กับโครงการคนละครึ่งถือว่าต่างกันอย่างชัดเจน เพราะคนละครึ่งบังคับใช้แบบมีเงื่อนไข ทำให้เม็ดเงินกระจายไปถึงร้านค้าชุมชนจนถึงคนฐานรากและสามารถกระตุ้นเศรษฐกิจได้จริง"