การบินไทยฟ้องผู้โดยสารโพสต์ด่ากัปตันเปลี่ยนลงจอดเมลเบิร์นเป็นซิดนีย์

02 ก.พ. 2567 | 02:18 น.
อัปเดตล่าสุด :02 ก.พ. 2567 | 02:33 น.

การบินไทยฟ้องผู้โดยสารโพสต์ด่ากัปตันเปลี่ยนลงจอดเมลเบิร์นเป็นซิดนีย์ ชี้สร้างความเสียหาย ส่งผลถึงความเชื่อมั่น ด้านสมาคมนักบินออกแถลงการณ์ ขณะที่คนโพสต์แสดงความรับผิดชอบลาออกแล้ว

จากกรณีผู้โดยสารโพสต์ด่ากราดกรณีกัปตันการบินไทย เที่ยวบิน TG 465 เมื่อวันที่ 28 มกราคม 2567 เส้นทาง กรุงเทพฯ – เมลเบิร์น แต่ไม่สามารถลงจอดได้แต่ลงจอดซิดนีย์แทนนั้น

ล่าสุดการบินไทย ได้โพสต์แจ้งว่า ต่อกรณีมีผู้โพสต์ข้อมูลพาดพิงการปฏิบัติการบินและบุคลากรการบินของบริษัทฯ ในเที่ยวบิน TG 465 วันที่ 28 มกราคม 2567 เส้นทาง กรุงเทพฯ – เมลเบิร์น ซึ่งมีความจำเป็นต้องนำเครื่องบินลงจอดยังสนามบินทางเลือกด้วยเหตุผลด้านสภาพอากาศที่สนามบินเมลเบิร์น ด้วยถ้อยคำและเนื้อหาที่สร้างความเสียหาย 

ส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของบริษัทฯ ต่อสาธารณะในวงกว้าง และบริษัทฯ ได้เรียนยืนยันถึงมาตรฐานด้านความปลอดภัยและนิรภัยการบินของบริษัทฯ และบุคลากรของบริษัทฯ ทุกคนแล้วนั้น

ขณะนี้บริษัทฯ อยู่ระหว่างดำเนินการตามขั้นตอนกฎหมายเพื่อรักษาสิทธิอันชอบธรรมของบริษัทฯ และบุคลากรของบริษัทฯ ที่ได้รับผลกระทบในกรณีดังกล่าว และเพื่อสร้างบรรทัดฐานมิให้เกิดการกระทำในลักษณะที่สร้างความเข้าใจที่ไม่ถูกต้องแก่สาธารณะอีกในอนาคต

การบินไทยฟ้องผู้โดยสารโพสต์หมิ่นกัปตัน

ทั้งนี้ มีผู้เข้ามาแสดงความคิดเห็นในลักษณะเห็นด้วยเป็นจำนวนมากที่มีการดำเนินคดีกับผู้โพสต์ที่สร้างความเสียหาย เช่น “สมควรแก่เหตุ และขอบคุณการบินไทยที่สร้างบรรทัดฐานดีๆ ให้แก่สังคมที่นับวันมีแต่คนเสื่อมทรามนี้ว่า การด่าทอใส่ร้าย ไม่ใช่การวิจารณ์โดยสุจริต จงจำใส่หัว ถ้าจำไม่ได้ก็จงสักเอาไว้ที่กลางหน้าผาก เวลาส่องกระจกจะได้เห็นทุกวัน!”

ถือว่าช้า แต่การบินไทยได้ทำในสิ่งที่ถูกต้องแล้วครับ ฟ้องให้เป็นตัวอย่าง ฟ้องเพื่อไม่ให้คนอื่นๆมาด่า มากล่าวหาแบบไม่มีข้อมูล และฟ้องเพื่อครองใจคนในองค์กร (นักบิน) และต้องฟ้องให้ถึงที่สุด โทษที่สามารถดำเนินการได้สูงสุด, ปรับสูงสุด และเมื่อคดีสิ้นสุด ต้องเผยแพร่ให้คนทั่วไปได้รับรู้ด้วย จะไม่ได้เป็นเยี่ยงอย่าง”

“ฝ่ายกฎหมายก็ทำถูกแล้วครับ กระทบภาพลักษณ์องค์กร ก็ควรที่จะดำเนินการ นักบิน ถูกจ้างให้ขึ้นไปบนฟ้าเพื่อตัดสินใจ รักษาชีวิตผู้โดยสาร ลูกเรือ เครื่องบินซึ่งเป็นทรัพย์สินขององค์กร ไม่ว่านักบิน Airline ไหน ก็ต้องอยู่บนกฎความปลอดภัย อย่างที่นักบิน Flight465 ตัดสินใจนั่นแหละครับ”

อย่างไรก็ตามก่อนหน้านี้การบินไทยก็มีการโพสต์ต่อเรื่องนี้ไว้ก่อนหน้านี้ว่า
ตามที่ปรากฏในสื่อสังคมออนไลน์กรณีมีผู้โพสต์ข้อมูลพาดพิงการปฏิบัติการบินของบริษัทในเที่ยวบิน TG 465 วันที่ 28 มกราคม 2567 เส้นทาง กรุงเทพฯ - เมลเบิร์น ซึ่งมีความจำเป็นต้องนำเครื่องบินลงจอดยังท่าอากาศยานทางเลือก

ด้วยเหตุผลด้านสภาพอากาศที่สนามบินเมลเบิร์น และต่อมาผู้โพสต์ได้โพสต์แสดงความเสียใจต่อการเขียนข้อความซึ่งไม่ได้ผ่านการกลั่นกรอง และขออภัยต่อผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการกระทำอันเกิดจากความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ของผู้โพสต์ข้างต้น นั้น 

บริษัทฯ ขอเรียนยืนยันว่าบุคลากรการบินของบริษัทฯ ทุกคนปฏิบัติหน้าที่ตามกระบวนการที่ได้จัดทำและถือปฏิบัติตามมาตรฐานด้านความปลอดภัยและนิรภัยการบินในระดับสากล ผ่านการตรวจสอบรับรองโดยหน่วยงานกำกับดูแลทั้งภายในประเทศและในระดับนานาชาติ โดยมีเป้าหมายสำคัญในการปฏิบัติการบินที่ปลอดภัยแก่ผู้โดยสารในทุกๆ เที่ยวบิน

เช่นเดียวกับการออกแถลงการณ์สมาคมนักบินไทยต่อกรณีเที่ยวบิน divert ที่ประเทศออสเตรเลีย ที่ระบุว่า เมื่อวันที่ 29 มกราคม 2567 ปรากฎข้อความทางสื่อออนไลน์ กรณีผู้โดยสารเดินทางด้วยสายการบินแห่งหนึ่ง โพสต์ข้อความวิจารณ์การปฏิบัติหน้าที่ของนักบินด้วยถ้อยคำที่รุนแรง

เหตุที่นักบินไม่สามารถนำเครื่องบินลงจอดที่สนามบินปลายทางได้ อันเนื่องมาจากสภาพอากาศที่สนามบินปลายทางไม่เอื้ออำนวยทำให้นักบินตัดสินใจบินไปยังสนามบินสำรอง

แถลงการณ์สมาคมนักบินไทย

สมาคมนักบินไทยขอแสดงความชื่นชมและให้กำลังใจนักบินในเที่ยวบินดังกล่าว ในการปฏิบัติหน้าที่ท่ามกลางสภาพอากาศที่เลวร้าย (ทัศนวิสัยต่ำกว่าค่ามาตรฐานในการร่อนลง) สามารถนำพาผู้โดยสารลงสู่สนามบินสำรองด้วยความปลอดภัยและนำพาผู้โดยสารไปถึงสนามบินปลายทางอย่างปลอดภัยในที่สุด

การปฏิบัติการบินเช่นนี้ นักบินต้องใช้ความรู้รอบด้าน บนพื้นฐานของตวามปลอดภัยและ ภายใตักฎการบินสากล นักบินในเที่ยวบินนี้ได้แสดงให้เห็นถึงการวางแผนและรับมือกับปัญหาและภัยต่างๆ ที่กำลังเผชิญได้อย่างมีประสิทธิภาพ มีการสื่อสารกับหอบังคับการจราจรทางอากาศได้เป็นอย่างดี

ทั้งยังต้องอดทนกับความเหนื่อยล้า เนื่องจากเป็นเที่ยวบินเวลากลางคืน นักบินในเที่ยวบินนี้ใด้ทำให้เป็นที่ประจักษ์ต่อสังคม ว่านักบินไทยมีความรู้ความสามารถและมีมาตรฐานในระดับสูง เป็นการชี้ให้เห็นถึงความสำคัญในการผลิตนักบินที่มีคุณภาพ ทำไห้สังคมรับรู้ถึงคุณคำในวิชาชีพนักบินได้เป็นอย่างดี

ทั้งนี้ หากข้อความใด ๆ ที่สื่อสารออกไปนั้น พบว่าไม่ตรงกับข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น หรือเป็นการดูหมิ่นเกียรติยศวิชาชีพนักบินสมาคมฯ พร้อมเคียงข้างและให้การสนับสนุน ทั้งในด้านข้อมูลและพยานหลักฐาน รวมถึงให้ความช่วยเหลือทางด้านกฎหมายแก่นักบิน เพื่อผดุงไว้ซึ่งเกียรติและศักดิ์ศรีนักบินไทย

ทั้งนี้หลังเกิดเหตุการณ์ดังกล่าวล่าสุดคนโพสต์ได้ออกมาแสดงความรับผิดชอบแล้ว 
โดยได้ลบโพสต์ดังกล่าวทิ้งไปแล้ว 

พร้อมกับโพสต์ใหม่ว่า "สืบเนื่องจากเหตุการณ์ วันที่ 29 มกราคม 2567 ที่กระผมได้กระทำการอันไม่สมควร ซึ่งก่อให้เกิดความเข้าใจคลาดเคลื่อนในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และสร้างความเสื่อมเสียต่อ บริษัท การบินไทย จำกัด อย่างยอมรับไม่ได้ จากเหตุการณ์แสดงความไม่พอใจในการให้บริการของการบินไทย

รวมถึงการตำหนิการปฏิบัติหน้าที่ของนักบินในเที่ยวบิน ด้วยข้อความและถ้อยคำไม่สุภาพ ดูถูกนักบิน และใช้คำพูดหยาบคายอย่างไม่เหมาะสมที่สุด จนทำให้เกิดความเข้าใจคลาดเคลื่อนต่อการปฏิบัติหน้าที่ รวมถึงมาตรฐานความปลอดภัยของการบินไทย และนักบินผู้ปฏิบัติหน้าที่ในเที่ยวบินดังกล่าว

ผมได้พิจารณาอย่างถี่ถ้วนและตระหนักได้ว่าการกระทำดังกล่าวเป็นการกระทำที่ไม่สมควรและไม่ถูกต้องอย่างยิ่ง ดังนั้น เพื่อแสดงความรับผิดชอบต่อการกระทำของผม ผมจึงมีความประสงค์ขอลาออกจากทุกตำแหน่ง ที่กระผมปฏิบัติหน้าที่อยู่ในปัจจุบัน ที่ บริษัท แพลน บี มีเดีย จำกัด (มหาชน)

ขอกราบอภัย บริษัท การบินไทย, นักบิน และทุกคนที่เกี่ยวข้อง และขอกราบอภัย ผู้ถือหุ้น กรรมการบริษัท ผู้บริหาร พนักงาน ของบริษัท แพลน บี และ พี่ๆ เพื่อนๆ และทุกคนที่ผมรักและเคารพที่ผมทำให้ผิดหวัง

ตลอดจนผู้ได้รับผลกระทบจากการกระทำอันเกิดจากความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ของกระผมมา ณ ที่นี้ โดยให้มีผลนับตั้งแต่วันที่ 31 มกราคม 2567 เป็นต้นไป

ผมเข้าใจว่ามันอาจไม่มีความหมายมากมายอะไรกับทุกคนที่ได้รับผลกระทบ แต่ผมก็จริงจังและจริงใจที่จะขอโทษในสิ่งที่ผมทำลงไปด้วยอารมณ์ชั่ววูบ ผมเสียใจและขออภัยและขอน้อมรับความผิดทั้งหมดที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ไว้แต่เพียงผู้เดียวครับ

ขออภัยอีกครั้งเป็นอย่างสูงและขอแสดงความนับถือครับ

ผมมีความรู้สึกเสียใจอย่างที่สุด ที่ได้เขียนข้อความซึ่งไม่ได้ผ่านการกลั่นกรอง จึงได้ประสานกับนายกสมาคมนักบินไทย ขอโอกาสในการเข้าพบกัปตันซึ่งปฏิบัติหน้าที่ในเที่ยวบินดังกล่าว เพื่อกล่าวคำขอโทษ

รวมถึงจะประสานเข้าพบฝ่ายบริหารของบริษัท การบินไทย เพื่อขออภัยในสิ่งที่เขียนซึ่งอาจทำให้เกิดความเข้าใจผิดต่อมาตรฐานของทางสายการบินต่อไป ในช่วงสัปดาห์หน้าหลังจากที่เดินทางกลับถึงประเทศไทยในทันที

สุดท้าย ผมต้องขออภัยต่อทุกท่านที่ได้รับผลกระทบจากการกระทำอันเกิดจากเพราะความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ของผมมา ณ ที่นี้ด้วยครับ