นายอนุชา ยาอีด ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมและพัฒนาการเกษตรที่ 5 จ.สงขลา เปิดเผย “ฐานเศรษฐกิจ" ถึงสถานการณ์ไม้ผลภาคใต้นอกฤดู ปี 2565 (ระหว่างเดือนพฤศจิกายน-ธันวาคม 2565) ว่า ปีนี้เป็นปีแรกที่มีการเก็บข้อมูลผลิตและราคาไม้ผลนอกฤดู เนื่องจากปีที่ผ่านมามีการเก็บข้อมูลในฤดูการผลิต และเก็บข้อมูลนอกฤดูไว้บ้าง แต่ไม่ได้จัดเก็บในระบบ
“ปีนี้จากการติดตามไม้ผลฤดูการผลิตที่คาดการณ์ว่าจะออกนอกฤดู ซึ่งพบว่ามีเยอะมากในปีนี้ แต่คำนวณเป็นตัวเลขไม่ได้ เพราะไม่มีตัวเลขฐานของปีที่แล้วมาเทียบ แต่จากการสังเกตผลผลิตนอกฤดูกาลจะออกมากกว่าปี 2564”
เนื่องจากในช่วงฤดูปกติของปี 2565 ไม่ว่าจะมังคุด ทุเรียน ช่วงที่เตรียมการออกดอกช่วงก.พ.-มี.ค.-เม.ย. ปรากฎว่าช่วงนั้นฝนตกทำให้ไม่ออกดอก แต่พอมาในช่วงเดือนก.ค.-ส.ค.ฝนหยุดประมาณ 30 วัน ทำให้ช่วงนั้น ทุเรียน มังคุด ก็ออกดอกเยอะ ไม่ว่าจะเป็นที่เกาะสมุยช่วงที่เป็นหางแย้เยอะมาก มังคุดก็เริ่มออกดอก
“ชุดนี้ผลผลิตจะออกในช่วงเดือนพฤศจิกายน-กลางธันวาคมนี้ ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาทางทีมงานลงไปเก็บข้อมูลที่จ.ชุมพร จ.สุราษฎร์ธานี และ จ.นครศรีธรรมราช เริ่มมีการเก็บผลผลิตกันบ้างแล้ว โดยเฉพาะเงาะ ที่อ.ชะอวด ส่วนทุเรียนคาดว่าประมาณปลายเดือนพฤศจิกายน น่าจะมีการเก็บผลผลิตกัน"
นายอนุชากล่าวต่อว่า สาเหตุที่ทำให้ไม้ผลนอกฤดูปีนี้มีมากนั้น เนื่องจากในช่วงฤดูปกติปีนี้ผลผลิตมีน้อย เกษตรกรบอกว่ารอลุ้นอีก 2-3 เดือนว่า ถ้าฝนหยุดให้สัก 30-45 วัน ก็จะทำให้ชุดที่ไม่ออกในฤดูจะมาออกนอกฤดู ซึ่งก็ออกจริง ๆ
ทั้งนี้ การที่ไม้ผลออกนอกฤดูจะส่งผลดีกับเกษตรกร เนื่องจากผลผลิตได้กระจายตลอดทั้งปี ไม่กระจุกเฉพาะในช่วงฤดูมากนัก โดยการมาออกในช่วงนี้ราคาค่อนข้างดี โดยเฉพาะทุเรียน ราคาหน้าสวนอยู่ที่ 120 กว่าบาทต่อกิโลกรัม เมื่อเทียบกับช่วงฤดูปกติราคาหน้าสวนช่วงเริ่มฤดูกาลราคาอยู่ที่ 100 กว่าบาทต่อกิโลกรัม เมื่อออกมากขึ้นราคาปรับลงเหลือ 95-100 บาทต่อกิโลกรัม ขณะที่มังคุดนอกฤดูก็มีราคาทะลุ 100 กว่าบาทต่อกิโลกรัม
นอกจากนี้แล้ว ปีนี้ถือว่าดีที่มีการจัดเก็บข้อมูลไม้ผลนอกฤดู เพื่อที่จะใช้เป็นฐานข้อมูลเรื่องผลไม้นอกฤดู ว่ามีปริมาณไม่น้อยเหมือนกันเมื่อเทียบกับในฤดู และจะได้จัดเก็บข้อมูลผลไม้นอกฤดูของปีหน้าไว้เพื่อจะสามารถนำมาเทียบกับข้อมูลฐานในปีนี้ได้ต่อไป เพื่อดูว่าสัดส่วนระหว่างผลไม้ในฤดูกับนอกฤดูเป็นอย่างไร
"ที่ผ่านมาเราใช้ข้อมูลฤดูกาลปกติมาบริหารจัดการผลไม้ของฟรุ๊ตบอร์ด แต่จากตัวเลขนอกฤดูปีนี้ของภาคใต้ซึ่งมีเยอะ ซึ่งเป็นโอกาสของผู้บริโภค ที่มีผลไม้บริโภคตลอดทั้งปี นอกเหนือจากในฤดูกาลนอกฤดูกาลก็มี โดยผลผลิตนอกฤดูปีนี้ถือว่าไม่น้อย เมื่อเทียบกับในฤดู เช่น ทูเรียนในฤดูปีนี้ 400,000- 500,000 ตัน ในขณะที่นอกฤดู อยู่ที่ประมาณ 100,000 ตัน
แต่สิ่งที่กังวลในขณะนี้ หากมีฝนตกมาก ๆ เกษตรกรจะชิงตัด เพราะกลัวลมพัดเสียหาย บางครั้งทุเรียนประมาณ 65- 70 เปอร์เซ็นต์ รออีก 2 สัปดาห์จะตัดลมมาจบเลย หล่นเต็มโคนต้นเลย แต่อย่างไรก็ตามเมื่อดูภาพรวมแล้วตอนนี้ ทุเรียนจะเริ่มตัดได้ประมาณปลายเดือนพฤศจิกายน จึงคิดว่าประเด็นตรงนี้ไม่น่าจะมีปัญหา
“ปีเป็นปีทองสำหรับผลไม้นอกฤดูในภาคใต้ เกษตรกรมีรายได้เป็นกอบเป็นกำ เนื่องจากราคาค่อนข้างดี ไม่ว่าจะเป็นทุเรียน มังคุด และเงาะราคาดีทุกตัวเลย”
ในขณะที่เจ้าหน้าที่ลงเก็บพื้นที่เก็บข้อมูลผลิตและราคา รายงานว่า การกำหนดผลไม้ในฤดูกาลกับนอกฤดูกาลนั้น เดือนมี.ค.-ต.ค.ในฤดูกาล หลังเดือนต.ค.ไปคือนอกฤดูกาล
โดยราคาทุเรียนจากเดิมที่เกษตรกรคาดการณ์ว่าราคาจะสูงถึง 180 บาทต่อกิโลกรัม ไม่ต่ำกว่า 150 บาทต่อกิโลกรัม แต่จากการลงพื้นที่ราคาอยู่ที่ 120-130 บาทต่อกิโลกรัม (ราคาหน้าสวน)
มังคุดราคาอยู่ที่ 145-150 บาทต่อกิโลกรัมและราคาอาจจะสูงถึง 170 บาทต่อกิโลกรัม เนื่องจากมีคุณภาพสูงขนาดผลประมาณ 5-6-7 ลูกต่อกิโลกรัม เฉลี่ยลูกละ 35-40 บาท
“ต้นมังคุดที่เกษตรกรเตรียมสำหรับออกในฤดูกาลมันไม่ออก ทำให้ต้นสมบูรณ์มาก ทำให้ผลผลิตที่ออกฤดูกาลลูกโต ผิวสวย ถือว่าคุณภาพดีมากสำหรับมังคุดนอกฤดูปีนี้”
ส่วนเงาะราคาอยู่ที่ 50-70 บาทต่อกิโลกรัม ซึ่งก็คือว่าราคาดี ผลผลิตส่วนใหญ่จะส่งออกไปทางยุโรป ส่งออกจีน รวมถึงทุเรียน 90 เปอร์เซ็นต์ส่งออก และมังคุด เกือบ 100 เปอร์เซ็นต์ส่งออก
สำหรับผลไม้นอกฤดูทั้ง ทุเรียน มังคุด เงาะ จะให้ผลผลิตไปจนถึงม.ค.-ก.พ.2566