โดยการส่งออกอัญมณีและเครื่องประดับเป็นรองเพียงการส่งออกสินค้ารถยนต์ และสินค้าเครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์ และส่วนประกอบ โดยมีมูลค่าส่งออก 517,607.97 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 62.83% และในจำนวนนี้หากหักทองคำยังไม่ขึ้นรูป หรือทองคำแท่งเพื่อเก็งกำไร ที่ส่งออกมูลค่า 238,005.34 ล้านบาท จะเหลือมูลค่าส่งออกสินค้าอัญมณีและเครื่องประดับจากโรงงานผลิตสุทธิ 279,602.63 ล้านบาท ขยายตัวเพิ่มขึ้น 43.34%
สำหรับในปีนี้ท่ามกลางทิศทางเศรษฐกิจโลกที่มีแนวโน้มชะลอตัว เฉพาะอย่างยิ่ง 2 เขตเศรษฐกิจใหญ่ของโลกทั้งสหรัฐอเมริกา และยุโรปที่ถูกจับตามองว่า เศรษฐกิจจะชะลอตัวจนถึงถดถอย(Recession) หรือไม่ จากผลกระทบเงินเฟ้อ และค่าครองชีพพุ่งสูงขึ้น โดย 2 ตลาดนี้เป็นอีกตลาดใหญ่ของการส่งออกอัญมณีและเครื่องประดับไทย
อย่างไรก็ดี นายชมพล พรจินดารักษ์ อุปนายกสมาคมผู้ค้าอัญมณีไทยและเครื่องประดับ และประธานเจ้าหน้าที่บริหารงาน Thailand Gems & Jewelry Fair 2023 ให้ความเห็นกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า ยังมั่นใจในปีนี้การส่งออกอัญมณีและเครื่องประดับของไทย(ไม่รวมส่งออกทองคำ) จะขยายตัวได้ไม่ตํ่ากว่า 20% ซึ่งแม้จะมีปัจจัยลบจากตลาดสหรัฐฯและยุโรปมีแนวโน้มชะลอตัวลง แต่จะได้ตลาดอื่นมาทดแทน
ที่สำคัญคือตลาดจีนที่เป็นตลาดพลอยสีอันดับ 1 ของโลก และตลาดพลอยสีอันดับ 1 ของไทย เศรษฐกิจจะกลับมาฟื้นตัวจากการเปิดประเทศ ทำให้มีการนำเข้าเพิ่มขึ้น รวมถึงจากนักท่องเที่ยวจีนที่คาดปีนี้จะกลับมาเที่ยวไทย 5-10 ล้านคน ตามที่นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ระบุล่าสุด โดยคาดว่าปีนี้จะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาไม่ตํ่ากว่า 25 ล้านคน และอาจสูงถึง 30 ล้านคน
ในจำนวนนี้ขอแค่ 10% หรือ 3 ล้านคนที่ซื้อของฝาก ของที่ระลึกเป็นอัญมณีและเครื่องประดับ สมมุติเฉลี่ยชิ้นละ 1 หมื่นบาท ก็จะทำรายได้เข้าประเทศอีก 3 หมื่นล้านบาท หากเฉลี่ยชิ้นละ 2 หมื่นบาท ก็จะทำรายได้เข้าประเทศอีก 6 หมื่นล้านบาท (ตลาด B2C) ช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ซึ่งททท.พร้อมทำงานร่วมกับทุกสมาคม/องค์กรที่เกี่ยวข้อง เพื่อผลักดันให้อัญมณีและเครื่องประดับเป็นหนึ่งในซอฟต์ พาวเวอร์ที่สำคัญของไทย
“ปีนี้การส่งออกอัญมณีและเครื่องประดับ ไม่รวมทองคำน่าจะขยายตัวเพิ่มขึ้นอย่างตํ่า 20% รวมส่งออกทองคำคาดปีนี้มากกว่า 6 แสนล้านบาท ซึ่งแม้เศรษฐกิจของ 2 ตลาดใหญ่คือสหรัฐฯและยุโรปจะชะลอตัว และการนำเข้าอาจชะลอตัว แต่จะได้ตลาดจีน อินเดีย เวียดนาม มาเลเซีย ลาว กัมพูชา และอีกหลายตลาดในเอเชีย มาทดแทนจากเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวฟื้นตัวหลังโควิดคลี่คลาย และจากที่ไทยเป็นศูนย์กลางการผลิตและการค้าอัญมณีในภูมิภาคนี้ เขาต้องมาซื้อจากเรา”
เพื่อปลุกตลาดการซื้อขายอัญมณีและเครื่องประดับเพื่อการส่งออก (ตลาด B2B) และรับนักท่องเที่ยวที่จะเข้ามา (ตลาด B2C) ระหว่างวันที่ 22-26 กุมภาพันธ์ 2566 นี้ สมาคมผู้ค้าอัญมณีไทยฯ และสมาพันธ์อัญมณีเครื่องประดับ และโลหะมีค่าแห่งประเทศไทยโดยความร่วมมือจากททท.จะจัดงาน เทศกาลซื้ออัญมณีและเครื่องประดับไทย หรือ Thailand Gems & Jewelry Fair 2023 ณ อิมแพ็คชาเลนเจอร์ เมืองทองธานี โดยจะมีผู้ประกอบการมาร่วมแสดงสินค้ากว่า 1,100 บูธ สัดส่วน 90% เป็นผู้ประกอบการไทย อีก 10% เป็นผู้ประกอบการจากฮ่องกง จีน ตุรเคีย ศรีลังกา สิงคโปร์ โปแลนด์ เมียนมา และอีกหลายประเทศ คาดจะมีผู้นำเข้า ผู้ค้า ผู้ซื้อต่างชาติและคนไทยเข้าร่วมงานมากกว่า 2 หมื่นคน
โดยนายชมพล ประธานจัดงานฯคาดจะมียอดสั่งซื้อทันทีในงานนี้กว่า 3 หมื่นล้านบาท และคำสั่งซื้อเพื่อส่งมอบภายใน 1 ไตรมาสนับจากนี้อีกกว่าแสนล้านบาท ทั้งนี้นอกจากตลาดเอเชียที่เป็นเป้าหมายการส่งออกข้างต้นแล้ว ทางสมาคมฯยังมีแผนที่จะเจาะตลาดตะวันออกกลาง เช่นที่ซาอุดิอาระเบีย หลังฟื้นความสัมพันธ์กับไทย โดยจะนำคณะเข้าร่วมงานแสดงสินค้าอัญมณีและเครื่องประดับที่กรุงริยาด ของซาอุฯในปลายปีนี้
ขณะที่ นายสมชาย พรจินดารักษ์ ประธานสมาพันธ์อัญมณีเครื่องประดับและโลหะมีค่าแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ในการจัดงานครั้งนี้ได้รับการสนับสนุนจากกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา และททท. มีเป้าหมายผลักดันประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการค้าอัญมณีและเครื่องประดับที่สำคัญของโลก ช่วยขยายฐานผู้ซื้อจากตลาด B2B (Business to Business) ไปสู่นักท่องเที่ยวและชาวต่างชาติทั่วโลก(B2C)ที่จะเข้ามาในไทยด้วย ซึ่งในงานนี้จะเน้นการโปรโมทพลอยสี หรือพลอยไทย ให้เป็นที่รู้จักในระดับสากล และช่วยพลิกฟื้นผู้ประกอบการเอสเอ็มอีด้านอัญมณีฯของไทยให้กลับมาค้าขายด้วยความมั่นใจ ขณะที่คู่ค้า และผู้บริโภคได้รับความมั่นใจเรื่องคุณภาพมาตรฐานที่ได้รับการรับรองตามมาตรฐานสากล
นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการ ททท. กล่าวว่า อัญมณีและเครื่องประดับ เป็นหนึ่งในซอฟต์พาวเวอร์ที่สำคัญของไทย ซึ่ง ททท.อยากเห็นการกลับมาของการส่งออกอัญมณีฯ ที่ระดับมากกว่า 5 แสนล้านบาทต่อปี และเติบโตไปพร้อมกับการขยายตัวทางเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวของประเทศ โดย ททท.ให้คำมั่นว่าจะหาลูกค้ามาให้อย่างต่อเนื่อง