นายชุติภพ เหงากุล ที่ปรึกษาด้านเกษตรอินทรีย์ บริษัท ทีพีไอ โพลีน ชีวะเกษตรอินทรีย์ จำกัด เผยผ่านเวที THE BIG ISSUE 2023 : ปุ๋ยแพง วาระเร่งด่วนประเทศไทย ทางรอดเกษตรกร จัดโดย “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า ความจริงหากประเทศไทย มีการบริหารจัดการดิน มีโครงสร้างที่ดี ไม่ได้ทำให้ดินเสียสภาพเป็นกรด หนักจนเกินไป รวมทั้งมีแหล่งน้ำที่มีคุณภาพแล้วมีเพียงพอ และมีพันธุ์พืชที่มีศักยภาพสูง ถ้ามีองค์ประกอบเหล่านี้สิ่งที่วันนี้คุยกันไม่ต้องมีก็ได้
“จะเห็นว่า การที่ รศ.ดร.อัทธ์ พิศาลวานิช ผู้อำนวยการศูนย์ศึกษาการค้าระหว่างประเทศ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ยกตัวอย่างประเทศอินโดนีเซีย ใช้ปุ๋ยน้อยกว่าประเทศไทยเยอะ แค่ 10-15 % ของต้นทุนสินค้าเกษตร ในขณะที่ประเทศไทยใช้ปุ๋ยไปกว่า 20- 28% นั่นเป็นเพราะเราผลักภาระต้นทุนไว้ที่ปุ๋ยเคมีทั้งหมด"
แต่วันนี้เราไม่สามารถที่จะแก้ปัญหาที่ปลายทางโดยไปบังคับผู้นำเข้าปุ๋ยเคมีให้ลดราคาจากที่ขึ้นปรับขึ้นมาในปี 2565 ประมาณ 100-200% คงทำไม่ได้ แต่จะทำอย่างไรให้ปุ๋ยเคมีทุกเมล็ดเกิดประสิทธิภาพที่ดี และขอแสดงความยินดีล่วงหน้ากับบริษัทที่ผลิตโปแตชในประเทศไทย นับจากนี้อีกไม่กี่ปีก็คงจะผลิตได้
“องค์กร “ทีพีไอ” ไม่ได้รณรงค์ลดราคาปุ๋ย เพราะนั่นหมายถึงไปบีบผู้ประกอบการ หรือไปบีบเพื่อนผู้ค้าปุ๋ยเคมี ซึ่งทำไม่ได้ เพราะทำธุรกิจไปต่อไม่ได้ ไม่มีกำไร ก็เกิดไม่ได้นี่คือสิ่งที่สำคัญที่สุด แต่ “ทีพีไอ” ชูประเด็น ผลิตภัณฑ์ของทีพีไอ สามารถลดการใช้ปุ๋ยเคมีได้ 2 ใน 3 นี่คือหัวใจที่สำคัญ และไม่ได้ไปลดกำไรของเพื่อน ๆ ที่นำเข้าปุ๋ยเคมีมาจากต่างประเทศ แต่เป็นการลดการใช้ปุ๋ยเคมีได้ตราบใดที่ดินดี มีน้ำพร้อม บวกพันธุ์พืชที่ตอบสนอง “ทีพีไอ” ใช้เวลา 15 ปี ก่อตั้งผลิตภัณฑ์ที่เรียกว่าปุ๋ยชีวอินทรีย์ ”
ปัจจุบันไม่ใช่มีแค่ปุ๋ยเฉพาะสาขาพืชเท่านั้น แต่ยังมีสาขาปศุสัตว์ ประมง สิ่งแวดล้อม และมนุษย์ ซึ่ง ณ วันนี้หลายคนในประเทศนี้แทบจะยังไม่รู้จัก แต่การมาของไวรัส “โควิด-19” ทำให้ผู้บริหารหรือซีอีโอทีพีไอ บอกว่าเราจะทำอย่างไรที่จะทำรูปแบบการเกษตรแบบชาวบ้านในการลดการพึ่งพาสารเคมี และปุ๋ยเคมีจากต่างประเทศ เราจึงได้ทำศูนย์วิจัยเกษตรไร้สารพิษ เนื้อที่ 50 ไร่ อยู่ที่พระราม 9 ซึ่งที่ตรงนั้นเกิดจากปลายปี 2562 หรือต้นปี 2563 มาจนถึงปัจจุบันนี้เรากล้าบอกได้เลยว่าผลิตภัณฑ์ของทีพีไอสามารถที่จะทดแทนการใช้ปุ๋ยได้ 100% แต่เราไม่ต้องการเป็นศัตรูกับเพื่อนที่นำเข้าปุ๋ยเคมี และการที่ปุ๋ยแพง ก็ไม่ใช่ผู้นำเข้าที่ทำให้ราคาแพง
นายชุติภพ กล่าวอีกว่า วันนี้ปุ๋ยจะแพง หรือถูก หรือกลับขึ้นไปแพงอีก หากแก้ปัญหาที่ปริมาณการใช้แทนที่จะไปแก้ปัญหาเรื่องราคาที่แพง เราไม่ต้องไปเดาใจใคร เราต้องบอกเกษตรกรว่าเรามีผลิตภัณฑ์ทางจุลินทรีย์ และทางชีวะอินทรีย์สามารถลดการใช้ปุ๋ยเคมีลงไปได้ 2 ใน 3 ไปจนถึง 100% เรียกว่าต้องเอาฟางข้าวทั้งมวล ซังข้าวโพดทั้งหลายหรือของเหลือทางการเกษตรอย่าไปเผาต้องเอากลับมาใช้
“กรมวิชาการเกษตรบอกว่าจะต้องมีเรื่องของชีวมวล การใช้บรรดาจุลินทรีย์ มีบริษัทไหนในประเทศไทยที่สามารถลด ทดแทนได้ในการใช้ปุ๋ยเคมีลงได้ 2 ใน 3 คือ 1. คุณภาพ 2.ราคา ที่สมเหตุสมผล ยกตัวอย่างเกษตรกรชาวนาภาคกลางใช้ต้นทุนกว่า 5,000 บาท แต่ทีพีไอสามารถช่วยประหยัดได้ทำให้ต้นทุนไม่เกิน 3,000 บาทต่อการใช้ และ 3.ปริมาณที่เพียงพอ ซึ่งในประเทศไทยไม่ใช่มีแค่ทีพีไอ ที่มีผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับทางด้านการเกษตร จุลินทรีย์ และสารธรรมชาติ แต่เราถือว่าเป็นบริษัทที่ผลิตปุ๋ยชีวอินทรีย์ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทยที่มีการลงทุนหลายร้อยล้านบาท และเพียงพอต่อการที่จะนำมาใช้ลดการใช้ปุ๋ยเคมี เพื่อช่วยเหลือเกษตรกร”
ปัจจุบันทีพีไอ มีผลิตภัณฑ์ให้เลือกหลากหลาย แบ่งออกเป็น 2 ภาคส่วน ได้แก่ 1.ผลิตภัณฑ์เกษตรไบโอออร์แกนิคทีพีไอ เรียกว่าเป็นผลิตภัณฑ์ธรรมชาติ อาทิ สารปรับสภาพดิน ดินที่เป็นกรด จากการใช้ปุ๋ยเคมีมานานและต่อเนื่อง,"ปุ๋ยเขียวทีพีไอ" เป็นผลิตภัณฑ์จุลินทรีย์ ซึ่งตัวนี้เป็นตัวหลักดั้งเดิมมีกรดอะมิโน ฮอร์โมน เป็นประโยชน์ที่จะเสริมประสิทธิภาพของปุ๋ยเคมีได้ แทนที่จะใช้ปุ๋ยเคมี 50 กิโลกรัม(กก.)ต่อไร่ ก็อาจจะปรับลดใช้แค่ 20 กก.ต่อไร่ เป็นโจทย์ที่ตรงกับกรมวิชาการเกษตร กรมการข้าว กรมส่งเสริมการเกษตร ถ้าเรามีปุ๋ยสั่งตัดที่ถูกฝาถูกตัว ก็สามารถลดการใช้ปุ๋ยได้
ตัวต่อมา “ปุ๋ยม่วงทีพีไอ” คือ การให้ทางใบ โดยการใช้จุลินทรีย์มานำพาธาตุอาหาร ซึ่งเป็นปุ๋ยเคมี หรือธาตุอาหารที่มีอยู่ในเนื้อปุ๋ย และอีกตัวหนึ่งซึ่งเป็นความภาคภูมิใจของทีพีไอ เป็นผลิตภัณฑ์หนึ่งเดียวในโลก “น้ำส้มควันไม้ทีพีไอ”ที่ใช้แล้วไม่ต้องใช้ยาฆ่าแมลง ทำให้พืชงาม ทำกำไร ถูกใจเกษตรกร จะใช้ในช่วง ถ้าไม่มีการระบาดของโรค ให้ฉีดตามเวลากำหนด เช่น 7 วัน หรือ 3 วัน แต่ถ้ามีการระบาดใช้วิธีฉีด 0 3 5 คือวันแรกในการฉีด แล้วประเมินอีกที วันที่ 3 ถ้าแมลงยังไม่ลดต่ำกว่า 50% ให้ฉีดซ้ำอีก แล้วประเมินอีกทีนับไปอีก 5 วัน ถ้ายังมีแมลงไม่ต่ำกว่าเกณฑ์ที่กำหนดก็ให้ฉีดก็สามารถกำจัดแมลงได้โดยไม่ต้องใช้สารเคมี
นอกจากนี้ยังมีผลิตภัณฑ์อินทรีย์ที่เป็นของแข็ง ไม่ได้ไปแข่งกับปุ๋ยเคมี แต่มีนวัตกรรมมาลดการใช้ปุ๋ยเคมี นั่นคือ “ปุ๋ยอินทรีย์ถ้ำค้างคาว” ลดการใช้ปุ๋ยเคมีได้ 2 ใน 3 เป็นอย่างต่ำ ซึ่งสามารถช่วยเกษตรกรประหยัดเงินในกระเป๋า และ ผลิตภัณฑ์” หินภูเขาไฟ” ชนิดปั้นเม็ด ปี 2566 ปลายปี จะมีภาวะเอลนีโญ่ เข้าสู่ภาวะฝนแล้ง ที่จะหนักที่สุดอาจจะมาต้นเดือนตุลาคมไปจนถึงปีหน้า เพราะฉะนั้นใช้หินภูเขาไฟก็จะมาแก้ปัญหาเรื่องความชื้นในดินได้เป็นอย่างดี
ส่วน “โดโลไมม์ 500” เป็นผลิตภัณฑ์ปรับปรุงคุณภาพดิน แก้ปัญหาดินเสื่อม เพิ่มธาตุอาหารแคลเซียมและแมกนีเซียมให้กับพืช ช่วยเพิ่มผลผลิตทางการเกษตรให้มีคุณภาพที่ดี เพิ่มภูมิต้านทาน และเสริมสร้างต้นพืชให้แข็งแรงทนทานต่อสภาพแวดล้อม โรค แมลงศัตรูพืช “ผลิตภัณฑ์ปรับปรุงคุณภาพดิน “ซูเปอร์แคลเซียม (PH12)” เป็นผลิตภัณฑ์ที่ได้จากธรรมชาติที่มีคุณภาพสูง ประกอบด้วยแคลเซียม (CaCO3) รวมทั้งธาตุที่เป็นประโยชน์อื่น ๆ ที่เหมาะแก่การเจริญเติบโตของพืชและสัตว์น้ำ ช่วยปรับสภาพดินและน้ำ รักษาสภาพสมดุลตามธรรมชาติในบ่อเลี้ยง
อย่างไรก็ตามยังมีสารผลิตภัณฑ์สำหรับกลุ่มปศุสัตว์ วันนี้ได้ขึ้นทะเบียนกับกรมปศุสัตว์แล้ว หลายคนอาจจะเคลือบแคลงสงสัยทำแบบไม่มีคุณภาพหรือไม่ ตอบว่า "ไม่ใช่" เพราะได้เลือกจุลินทรีย์ที่คัดมาอย่างมีคุณภาพ รวมทั้งกลุ่มประมง เป็นที่พึ่งพาให้เกษตรกรได้
สรุปผลิตภัณฑ์ของทีพีไอช่วยให้แก้ปัญหาปุ๋ยเคมี สารเคมี แพง ซึ่งช่วย 2 ทาง คือ ทางแรกไม่ได้บีบให้พ่อค้านำเข้าปุ๋ยเคมีลดราคา และอีกทางคือ ยังทำให้ตัวเกษตรกรประหยัดต้นทุนได้ด้วยผลิตภัณฑ์ของ “ทีพีไอ” เป็นคำตอบให้แก่เกษตรกรทุกกลุ่ม