ตามที่สมาคมโรงงานผู้ผลิตแป้งมันสำปะหลัง ได้เสนอเรื่องขอเปิดด่านชายแดนเพิ่มเติมอีก 5 ด่าน ใน 4 จังหวัด ได้แก่ 1.จุดผ่านแดนถาวรบ้านคกไผ่ (ปากชม) จ.เลย 2.จุดผ่านแดนถาวรบ้านแหลม จ.จันทบุรี 3.จุดผ่านแดนถาวรบ้านปากแซง จ.อุบลราชธานี 4.จุดผ่อนปรนการค้าช่องอานม้า จ.อุบลราชธานี 5.จุดผ่อนปรนการค้าด่านเจดีย์สามองค์ จ.กาญจนบุรี มายังคณะกรรมการดูแลและกำกับการค้าชายแดน ที่มีอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศเป็นประธาน โดยได้นำเรื่องเข้าหารือในที่ประชุมคณะกรรมการฯ เมื่อวันที่ 10 ต.ค. 2566 ด้วยเหตุผลเพื่อต้องการลดต้นทุนการผลิตแป้งมันของโรงงาน และความสะดวกในการขนย้ายหัวมันสำปะหลังสดจากประเทศเพื่อนบ้าน
กรณีดังกล่าว นายรังษี ไผ่สะอาด นายกสมาคมชาวไร่มันสำปะหลังแห่งประเทศไทย และกรรมการในคณะกรรมการดูแลและกำกับการค้าชายแดน เผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า ในที่ประชุมฯทางสมาคมฯและนายเติมศักดิ์ บุญชื่น ประธานสภาเกษตรกรจังหวัดนครราชสีมา ได้คัดค้านในเรื่องนี้ ด้วยเหตุผล คือ 1.หากมีการเปิดด่านเพิ่มเติม (ปกติเปิดจังหวัดละ 1 ด่าน ) จะทำให้ราคาหัวมันสำปะหลังในประเทศตกตํ่าลงและเกษตรกรผู้ปลูกมันสำปะหลังทั้งประเทศจะได้รับความเดือดร้อน เนื่องจากผลผลิตมันสำปะหลังของไทยและเพื่อนบ้านออกพร้อมกัน แต่หัวมันในประเทศเพื่อนบ้านราคาถูกกว่า ผู้ประกอบการจะซื้อหัวมันสำปะหลังจากประเทศเพื่อนบ้านก่อน และจะมากดราคาหัวมันสำปะหลังในประเทศให้ตํ่าลงแน่นอน
2.การควบคุมโรคและกำจัดโรคใบด่างมันสำปะหลัง ในประเทศยังไม่สามารถแก้ไขได้ และจะระบาดเพิ่มมากขึ้น เนื่องจากประเทศเพื่อนบ้านไม่มีการควบคุมโรค ขณะที่ในไทยอยู่ระหว่างการควบคุมโรค และในขณะนี้ไทยยังไม่มีพันธุ์มันต้านโรคไวรัสใบด่างแจกจ่ายให้เกษตรกรได้ปลูก จะทำให้การระบาดของโรคไวรัสใบด่างมันสำปะหลังระบาดทั้งประเทศเพิ่มขึ้น
นายรังษี กล่าวอีกว่า อีกทั้งปัจจุบันรัฐบาลไม่มีโครงการประกันรายได้ หรือรับจำนำ ในการรักษาเสถียรภาพราคามันสำปะหลังในประเทศ หากเปิดด่านเพิ่มเติมแล้วราคาหัวมันสำปะหลังในประเทศตกตํ่า เกษตรกรจะได้รับความเดือดร้อนจากส่งผลกระทบต่อรายได้ครัวเรือนที่ลดลง และจะมีภาระหนี้สินเพิ่มขึ้นเหมือนที่เคยเกิดขึ้นก่อนหน้านี้ สุดท้ายรัฐบาลอาจจำเป็นต้องสูญเสียงบประมาณ และรายได้จากภาษีมาชดเชยช่วยเหลือเกษตรกร คงไม่ถูกต้อง
"ราคาหัวมันสำปะหลังปีที่แล้วราคาสูง ทำให้เกษตรกรพอมีกำไร แต่ยังได้รับผลกระทบจากโรคใบด่าง ทำให้ผลผลิตลดลง และเวลานี้ในหลายพื้นที่มีนํ้าท่วม และอาจมีภัยแล้งจากเอลนีโญตามมาหลังจากนี้ ดังนั้นจึงไม่เหตุผลที่จะเปิดด่านเพิ่มเติม โดยให้เหตุผลแค่ลดต้นทุน โดยไม่คำนึงถึงราคาหัวมันสดในประเทศ จึงขอส่งสัญญาณไปยังรัฐบาล และขอคัดค้านถึงที่สุด แต่ถ้ายังดึงดันผมจะนำเกษตรกรมาประท้วงคัดค้านที่หน้ากระทรวงพาณิชย์และทำเนียบรัฐบาล”
อย่างไรก็ดีทางสมาคมฯได้ของบสนับสนุนแก้ไขปัญหาโรคระบาด และเสริมสภาพคล่องให้กับเกษตรแปลงใหญ่ ใช้งบกว่า 1,000 ล้านบาท อาทิ 1.เพื่อสนับสนุนการขยายพันธุ์มันสำปะหลังต้านทานโรคไวรัสใบด่างจำนวน 2 ล้านลำ ใช้งบประมาณ 10 ล้านบาท ในการจัดซื้อท่อนพันธุ์จากมูลนิธิพัฒนามันสำปะหลัง เพื่อแจกเกษตรกรใน 30 จังหวัดที่มีการระบาดของโรค
2.งบขยายต้นพันธุ์ต้านทานโรคใบด่าง จำนวน 25 ล้านบาทให้กรมวิชาการเกษตร และมูลนิธิพัฒนามันสำปะหลัง ไปขยายพันธุ์ให้ได้10 ล้านต้นเพื่อแจกจ่ายให้เกษตรกรขยายพันธุ์ต่อ และ 3.ขอสนับสนุนเงินกู้ดอกเบี้ยตํ่าจากกองทุนสงเคราะห์เกษตรกรจำนวน 1,000 ล้านบาท เพื่อให้กลุ่มมันแปลงใหญ่ พื้นที่ 200,000 ไร่ ได้มีทุนทำระบบนํ้าหยดเพื่อขยายต้นพันธุ์ปลอดโรคไวรัสใบด่างไว้ให้เกษตรกรปลูกในปีต่อไปอย่างเพียงพอ เป็นต้น
หน้า 9 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับที่ 3,934 วันที่ 26-28 ตุลาคม พ.ศ. 2566