นายนราธิป อนันตสุข หัวหน้าสำนักงานสหพันธ์ชาวไร่อ้อยแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า วันนี้ (2 ก.ย.66) จะดำเนินการเข้าหารือกับกระทรวงพาณิชย์ในช่วงเวลาประมาณ 13.30-14.00 น. หลังจากที่ทางกระทรวงฯ ทำการนัดมาเพื่อขอพบผู้นำชาวไร่อ้อย
"ในความเป็นจริงพี่น้องชาวไร้อ้อยกับพรรคเพื่อไทยมีความใกล้ชิดกันอยู่แล้ว โดยเฉพาะ ส.ส. หลายรายที่อยู่พรรคเพื่อไทย จึงน่าจะเป็นผู้ที่ประสานเรื่องดังกล่าวเข้ามา เพื่อหาแนวทางแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น"
ทั้งนี้ ขอยืนยันว่ากระทรวงพาณิชย์ไม่ควรที่จะเข้ามาก้าวก่ายเรื่องการบริหารตามกฎหมายอ้อยและน้ำตาลทราย โดยชาวไร่อ้อยทำตามกรอบของกฎหมายอ้อยและน้ำตาลทรายนั่นก็คือ การประกาศเพื่อกำหนดราคาขั้นต้นของทุกปี เพื่อกำหนดราคาอ้อย ซึ่งทุกปีก็ไม่มีผลกระทบแต่อย่างใดเกิดขึ้น
สำหรับการดึงน้ำตาลทรายกลับมาเป็นสินค้าควบคุมนั้น มองว่าเป็นการบริหารงานที่ย้อนยุค การย้อนกลับไปเป็นแบบเดิมจะทำให้เกษตรกรมีรายได้ลดลง ซึ่งสวนทางกับต้นทุนการผลิต ไม่ว่าจะเป็นเรื่องสงคราม ภาวะเศรษฐกิจ ทั้งที่ราคาน้ำตาลในตลาดโลกปรับตัวสูงขึ้น
โดยหากรัฐกลับไปควบคุมราคาน้ำตาล สุดท้ายจะทำให้อุตสาหกรรมนี้ โดยเฉพาะชาวไร่อ้อย ไปต่อไม่ไหว และหากรัฐจะสนับสนุนหรือชดเชย ต้องใช้เม็ดเงินที่สูงมาก เพราะต้องช่วยทุกปี เนื่องจากการทำเกษตร 10 ปี จะมีกำไรก็อย่างมากก็ไม่ 2-3 ปี นอกนั้นก็ราคาตกต่ำ
"การบริหารเศรษฐกิจยุคใหม่ควรปล่อยให้สินค้าเป็นไปตามกลไกตลาด หากดึงกลับมาเป็นสินค้าควบคุมก็จะกลับเข้าไปสู่วัฏจักรเดิม ที่เคยเป็นมาในอดีต ซึ่งอาจจะต้องเหนื่อยกันทั้งสองฝ่ายทั้งผู้บริหารประเทศและเกษตรกร"
นายนราธิป กล่าวอีกว่า กลุ่มชาวไร่อ้อยต้องการให้ยึดตามหลักเกณฑ์เงื่อนไขดังกล่าวเพื่อให้มีการบริหารในเชิงอุตสาหกรรม ที่มองว่ารัฐไม่ควรเข้ามายุ่งเกี่ยวเรื่องการบริหารด้านราคา หรือด้านการผลิต แต่อาจจะเข้ามาเป็นพี่เลี้ยงให้คณะกรรมการเท่านั้น เพราะมีกฎหมายเฉพาะเรื่องอ้อยและน้ำตาล
"การประกาศปิดโรงงานน้ำตาลวันที่ 5 พ.ย. 66 เป็นมติจากทั่วประเทศ ซึ่งมีการหารือและกำหนดวันเป็นที่เรียบร้อย ก่อนที่กระทรวงพาณิชย์จะขอพบผู้นำชาวไร่อ้อยวันนี้"