ส่งออกไทยอ่วม จีนเร่งส่งสินค้าไปสหรัฐ หนีภาษีสูง ดันค่าระวางเรือพุ่ง100%

22 พ.ค. 2567 | 04:19 น.
อัปเดตล่าสุด :22 พ.ค. 2567 | 08:56 น.

สงครามการค้าสหรัฐ-จีนรอบใหม่ ลามกระทบไทย-โลก ดันค่าระวางเรือพุ่ง 100% หลังจีนเร่งส่งออกก่อนถูกขึ้นภาษีสูง สรท.เผย 10 ปีไทยส่งออกไปสหรัฐเพิ่ม 112% ไปจีนโตแค่ 25% ปี 67 ไทยจ่อขาดดุลค้าจีนพุ่ง 1.6 ล้านล้าน รถอีวี แบตฯ เหล็กจีนผลิต-ส่งออกจากไทยเสี่ยงสูงถูกขึ้นภาษีในอนาคต

สงครามการค้า หรือ เทรดวอร์ ระหว่างสหรัฐอเมริกาและจีน สองมหาอำนาจยักษ์ใหญ่เศรษฐกิจและการค้าโลกที่ปะทุขึ้นตั้งแต่ปี 2561 สมัยประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เพื่อลดการขาดดุลการค้าของสหรัฐที่มีมหาศาลต่อจีน และสงครามการค้ายังมีต่อเนื่องถึงปัจจุบัน ล่าสุดสงครามการค้าร้อนระอุขึ้นอีกครั้งหลังประธานาธิบดีโจ ไบเดน ได้ประกาศปรับขึ้นภาษีสินค้าจีนหลายรายการ คิดเป็นมูลค่ากว่า 18,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ มุ่งเป้าสินค้ายุทธศาสตร์และสร้างมูลค่าการค้าใหม่ให้กับจีน

สินค้าที่สหรัฐประกาศเก็บภาษีจากจีนภายในปีนี้ มีระดับอัตราภาษีตั้งแต่ 25-102% อาทิ รถยนต์ไฟฟ้า (EV) จาก 27.5% เป็น 100%, แบตเตอรี่สำหรับรถ EV และชิ้นส่วนแบตเตอรี่จาก 7.5% เป็น 25%, เซลล์พลังงานแสงอาทิตย์จาก 25% เป็น 50%, เครนยกตู้สินค้าจากไม่เรียกเก็บภาษี เป็นเก็บ 25% และอุปกรณ์ทางการแพทย์จากไม่เรียกเก็บภาษี เป็นเก็บ 50% และชิ้นส่วนกึ่งตัวนำไฟฟ้า (เซมิคอนดักเตอร์) จะเพิ่มจาก 25% เป็น 50% ภายในปี 2568 เป็นต้น

ส่งออกไทยอ่วม จีนเร่งส่งสินค้าไปสหรัฐ หนีภาษีสูง ดันค่าระวางเรือพุ่ง100%

จีนเร่งส่งออกไปสหรัฐดันค่าระวางเรือพุ่ง

นายประมุข เจิดพงศาธร ประธานกรรมการบริหารกลุ่มบริษัท PJUS GROUP,USA ผู้จัดหาและนำเข้าสินค้าไทยป้อนให้กับตัวแทนจำหน่าย ห้างสรรพสินค้า ซูเปอร์มาร์เก็ต และเรือนจำในสหรัฐ เผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า สงครามการค้าสหรัฐ-จีน ที่ปะทุขึ้นในรอบใหม่ ส่งผลให้เวลานี้ผู้ค้าของสหรัฐได้เร่งนำเข้าสินค้า ขณะที่จีนเร่งส่งออกไปสหรัฐฯเพื่อเลี่ยงผลกระทบจากกำแพงภาษีนำเข้าสินค้าที่จะปรับตัวสูงขึ้น 25-100% ที่จะมีผลบังคับใช้ในปีนี้

ประมุข เจิดพงศาธร ประธานกรรมการบริหารกลุ่มบริษัท PJUS GROUP,USA

“ค่าระวางเรือมหาโหดกำลังเริ่มขึ้นอีกแล้ว จากที่สหรัฐฯประกาศจะปรับขึ้นสินค้าจากจีนหลายรายการทั้งในปีนี้ และปีหน้า ส่งผลให้เวลานี้มีการเร่งนำเข้าสินค้า ทำให้มีความต้องการระวางเรือมากขึ้นจากผู้ประกอบการของจีนก่อนถูกเก็บภาษีเพิ่ม รวมถึงยังมีความต้องการระวางเรือจากประเทศอื่น ๆ เช่น เวียดนาม ไทย สิงคโปร์ มาเลเซีย อินโดนีเซีย รวมถึงประเทศผู้ส่งออกอื่น ๆ เพื่อส่งออกไปสหรัฐ ที่ต้องแย่งกันในช่วงฤดูการนำเข้าสินค้าอาหารและเครื่อมดื่ม

จากความต้องการระวางเรือที่มีมากกว่าซัพพลาย สายเดินเรือเส้นทางอเมริกาได้ประกาศปรับขึ้นค่าระวางเรือรวดเดียว 100-150% เวลานี้อยู่ที่ระดับ 4,000 ดอลลาร์สหรัฐต่อตู้ (20 ฟุต) จากก่อนหน้านี้เคยอยู่ที่ระดับ 1,200-1,500 ดอลลาร์ต่อตู้ ในอนาคตอาจจะกระโดดขึ้นไปที่ 6,000-8,000 ดอลลาร์สหรัฐต่อตู้ก็มีความเป็นไปได้ เป็นอีกต้นทุนสำคัญที่ผู้ส่งออกไทยต้องแบกรับ”

10 ปีส่งออกไทยไปสหรัฐโต 112%

สอดคล้องกับ นายชัยชาญ เจริญสุข ประธานสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย (สรท.) ที่กล่าวว่า ค่าระวางเรือไปยังฝั่งทะเลด้านตะวันออกของสหรัฐ (East Coast) ที่นิยมใช้ตู้สินค้าขนาด 40 ฟุต เวลานี้อยู่ที่ประมาณ 4,800 ดอลลาร์สหรัฐต่อตู้ จากต้นเดือนเมษายนอยู่ที่ประมาณ 4,000 ดอลลาร์สหรัฐ ส่วนฝั่งทะเลด้านตะวันตก (West Coast) ต้นเดือนเมษายนอยู่ที่ระดับ 3,400 ดอลลาร์สหรัฐต่อตู้ ปรับเพิ่มเป็น 3,700 ดอลลาร์สหรัฐต่อตู้

ทั้งนี้ค่าระวางมีโอกาสปรับขึ้นได้อีกจากการปั่นราคาของสายเดินเรือ อ้างเร่งนำเข้าสินค้าไปสหรัฐ และจากราคานํ้ามันที่ปรับตัวสูงขึ้น ซึ่งผู้ส่งออกต้องประสานกับผู้นำเข้า เพื่อดูแลต้นทุนค่าขนส่งให้ดีในช่วงที่ค่าระวางเรือมีความผันผวน

ต่อสงครามการค้าที่ปะทุขึ้นในปี 2561 ถึง ณ ปัจจุบัน ทางสรท.ได้รวบรวมข้อมูลการส่งออกของไทยไปตลาดสหรัฐและตลาดจีนที่เป็นคู่สงครามการค้า และเป็นคู่ค้ารายใหญ่ของไทย พบว่า การส่งออกของไทยไปสหรัฐในปี 2556 มีมูลค่า 22,953 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และในปี 2566 มีมูลค่าส่งออก 48,864 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือเพิ่มขึ้น 112% ขณะที่การส่งออกของไทยไปจีนปี 2556 มีมูลค่า 27,232 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และในปี 2566 ส่งออกมูลค่า 34,164 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขยายตัวเพิ่มขึ้น 25%

ทั้งนี้มี 3 กลุ่มสินค้าส่งออกของไทยที่ถือมีความโดดเด่น สามารถส่งออกไปสหรัฐฯได้เพิ่มขึ้นในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา ได้แก่ เครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ ที่ปี 2556 ส่งออกได้ 720 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ปี 2566 ส่งออกได้ 5,050 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 600% , ชิ้นส่วนยานยนต์ ปี 2556 ส่งออก 434 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และปี 2566 ส่งออกได้ 1,423 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 227% และผลิตภัณฑ์ยาง ปี 2556 ส่งออก 1,973 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และปี 2566 ส่งออกได้ 4,589 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือเพิ่มขึ้น 132%

ชัยชาญ เจริญสุข ประธานสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย

“3 กลุ่มสินค้าที่เราส่งออกไปตลาดสหรัฐได้มากขึ้น ส่วนหนึ่งเป็นสินค้านำเข้าทดแทนสินค้าจีน และส่วนหนึ่งเป็นผลจากจีนย้ายฐานการผลิตมาไทย และใช้ไทยเป็นฐานผลิตส่งออกไปสหรัฐ สงครามการค้าสหรัฐ-จีนรอบใหม่นี้ ไทยอาจได้รับอานิสงส์ส่งออกไปสหรัฐได้เพิ่มขึ้น ขณะที่สินค้าไทยในบางกลุ่มสินค้าที่อาจได้รับผลกระทบส่งออกไปจีนได้ลดลง จากจีนจะส่งออกไปสหรัฐได้ลดลง และลดการนำเข้าวัตถุดิบจากไทย เช่น เม็ดพลาสติก เคมีภัณฑ์ ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ เป็นต้น”

จับตาขาดดุลค้าจีนพุ่ง 1.6 ล้านล้าน

รองศาสตราจารย์ ดร.อัทธ์ พิศาลวานิช นักวิชาการอิสระ และผู้เชี่ยวชาญเศรษฐกิจระหว่างประเทศ กล่าวว่า สงครามการค้าสหรัฐ-จีนรอบใหม่ จะมีผลกระทบต่อประเทศไทยทั้งในแง่บวกและแง่ลบ แง่บวกคือ สินค้าจีนที่ถูกสหรัฐขึ้นภาษีในรอบนี้ เช่น เหล็ก โซลาร์เซลล์ และเซมิคอนดักเตอร์ ไทยจะนำเข้าจากจีนในราคาถูกลง รวมถึงสินค้าต่าง ๆ ที่นำมาขายผ่านช่องทางออนไลน์ แต่ขณะเดียวกันจะส่งผลให้ไทยมีโอกาสขาดดุลการค้าจีนเพิ่มขึ้น จากปี 2566 ไทยขาดดุลการค้าจีนประมาณ 1.3 ล้านล้านบาท มีโอกาสปีนี้จะขาดดุลการค้าจีนเพิ่มเป็น 1.5-1.6 ล้านล้านบาท

รองศาสตราจารย์ ดร.อัทธ์ พิศาลวานิช นักวิชาการอิสระ และผู้เชี่ยวชาญเศรษฐกิจระหว่างประเทศ

“ที่ต้องจับตามองในอนาคต จากที่จีนได้เข้ามาตั้งฐานการผลิตในไทยในหลายอุตสาหกรรม เช่น ผลิตรถ EV แบตเตอรี่สำหรับรถ EV โซลาร์เซลล์ และในอุตสาหกรรมเหล็ก ซึ่งล่าสุดแผงโซลาร์เซลล์จากไทยที่มีจีนเป็นผู้ผลิตรายใหญ่จะถูกสหรัฐขึ้นภาษี 250% ในเร็ว ๆ นี้ ขณะที่สินค้าเหล็กจากไทยก็มีความเสี่ยงถูกสหรัฐจับตามองว่าไทยอาจเป็นทางผ่านสินค้าจีนส่งไปทุ่มตลาดในสหรัฐ และอาจจะถูกขึ้นภาษี เหมือนเหล็กจีนที่ใช้เม็กซิโกเป็นทางผ่านส่งเข้าสหรัฐ และกำลังถูกตรวจสอบ ส่วนสินค้ารถ EV ที่ค่ายจีนเข้ามาตั้งฐานในไทย และเวลานี้ยังไม่มีการส่งออก แต่ในอนาคตถ้ามีการผลิตเยอะ ๆ และส่งออกไปต่างประเทศ รวมถึงไปสหรัฐ รถ EV จีนที่ผลิตไทยมีความเสี่ยงที่จะถูกสหรัฐขึ้นภาษีเช่นกัน”

สำหรับสงครามการค้าสหรัฐ-จีนรอบใหม่นี้ ในแง่การส่งออกสินค้าจากไทยเพื่อทดแทนสินค้าจีนในตลาดสหรัฐคงได้อานิสงส์บ้าง แต่ประเทศที่มองว่าจะได้รับประโยชน์ส่งออกไปสหรัฐได้เพิ่มขึ้นมากที่สุดคือ เวียดนาม ที่มีความตกลงหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์การค้ากับจีน อย่างไรก็ดีหากการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐในเดือนพฤศจิกายนนี้ โดนัลด์ ทรัมป์ ได้กลับมาเป็นประธานาธิบดี คาดสงครามการค้าสหรัฐ-จีนจะยิ่งทวีความเข้มข้น