หอการค้าจี้กำจัดจุดอ่อน ดันพายุหมุน“เงินดิจิทัล” ใช้จ่ายคึกคักสุด Q1/68

02 ส.ค. 2567 | 05:58 น.
อัพเดตล่าสุด :02 ส.ค. 2567 | 06:12 น.

หอการค้าฯฟันธง แจกเงินดิจิทัลเดือน ธ.ค. ดันจีดีพีโตเพิ่มแค่ 0.1% และคาดทั้งปีนี้เศรษฐกิจไทยจะขยายตัวได้ 2.6-2.7% ติวเข้มรัฐกำจัดจุดอ่อน ต้องสื่อสารประชาชน-ผู้ประกอบการชัดเจน ทั้งขั้นตอนลงทะเบียน การขึ้นเงิน และกันเงินไว้เบิกเหลื่อมปี มั่นใจใช้จ่ายคึกคักสุด Q1 ปี 68

จากที่รัฐบาลยังแบ่งรับแบ่งสู้การแจกเงินดิจิทัล 10,000 บาท เป้าหมายรวมทั่วประเทศ 450,000 ล้านบาท โดยคาดอาจจะแจกได้จริงในเดือนธันวาคม จากเดิมคาดจะแจกได้ช่วงต้นไตรมาสที่ 4 ซึ่งการแจกเงินในช่วงเวลาที่แตกต่างกัน จะมีผลต่อการขยายตัวของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ(จีดีพี) หรือการขยายตัวของเศรษฐกิจไทยในปีนี้ที่แตกต่างกัน

นายสนั่น  อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทย และสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า การขยายตัวของจีดีพีไทยในปี 2567 กรณีไม่รวมเงินดิจิทัล หอการค้าฯ ประเมินว่าเศรษฐกิจน่าจะเติบโตได้ 2.4 – 2.6%

ส่วนกรณีที่รวมเงินดิจิทัล ปัจจัยสำคัญขึ้นอยู่กับรอบในการหมุนเงิน ซึ่งขึ้นอยู่กับว่าจะใช้ก่อนช่วงปีใหม่หรือหลังปีใหม่ โดยหอการค้าไทยและมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ได้ประเมินผลทางเศรษฐกิจว่า หากประชาชนจะใช้เงินได้จริงต้นเดือนธันวาคมเป็นต้นไปหรือประมาณ 1 เดือน จนถึงสิ้นปีนี้ จะกระตุ้นเศรษฐกิจให้ขยายตัวเพิ่มขึ้นได้อีก 0.25-0.5% หรือทำให้เศรษฐกิจไตรมาส 4 เติบโตได้ 3.0-3.5% ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจโดยรวมเพิ่มขึ้นได้ 0.1% ทำให้ทั้ง ปี 2567 เศรษฐกิจจะเติบโตได้ 2.6-2.7%

ทั้งนี้มีเงื่อนไขที่สำคัญ คือ 1.หากใช้ดิจิทัลวอลเล็ตได้เร็ว ประชาชนก็จะสามารถเตรียมการใช้จ่ายเงินในภูมิลำเนาของตนเองได้ทันในช่วงปีใหม่ 2.อยากเห็นว่าดิจิทัลวอลเล็ต จะช่วยส่งเสริมให้ธุรกิจเอสเอ็มอี ร้านค้า ชุมชนต่างๆ ต่อยอดการทำธุรกิจได้ เพราะจะทำให้เงินเกิดการหมุนเวียนได้อย่างมีประสิทธิภาพ 3.ส่งเสริมการใช้ในร้านค้าขนาดเล็กในชุมชนให้มากที่สุดเศรษฐกิจจะคึกคักเร็ว

อย่างไรก็ดี เพื่อให้การแจกเงินดิจิทัล วอลเล็ตในครั้งนี้บรรลุเป้าหมายให้เกิดพายุหมุนทางเศรษฐกิจ 4 ลูกตามที่รัฐบาลตั้งเป้าหมายไว้ ทางหอการค้าไทยมีข้อเสนอแนะดังนี้

1.การสื่อสารและประชาสัมพันธ์ไปยังประชาชนและผู้ประกอบการถึงความชัดเจนในขั้นตอนการลงทะเบียน การใช้เงิน การขึ้นเงินของผู้ประกอบการ สิ่งเหล่านี้ต้องสร้างความชัดเจนซึ่งรัฐบาลจำเป็นต้องเตรียมแผนการสื่อสารให้ชัดเจนและมีประสิทธิภาพ

2.การแจกเงินในโครงการดิจิทัล วอลเล็ตเป็นการก่อหนี้ผูกพันซึ่งเป็นเงื่อนไขสำคัญในการขอกันเงินไว้เบิกเหลื่อมปีตามกฎหมายและระเบียบดังกล่าวข้างต้นหรือไม่

3.การดูแลระบบชำระเงินหลังบ้าน ถือเป็นความท้าทายมาก เพราะเป็นระบบที่ต้องรองรับการใช้งานของประชาชนถึง 40 – 50 ล้านคน บทเรียนจากการพัฒนากระเป๋าโดยเฉพาะปัญหาติดขัดที่อาจทำให้ระบบล่มได้ ส่วนนี้ต้องอาศัยการเตรียมการระบบหลังบ้านที่สามารถสนับสนุนและแก้ไขปัญหาได้ทันที

อย่างไรก็ตาม เมื่อพิจารณาจากปัจจัยเศรษฐกิจในปัจจุบันถึงปลายปี เศรษฐกิจไทยน่าจะมีโอกาสน้อยที่จะเติบโตได้ถึง 3% เนื่องจากปีนี้เศรษฐกิจไทยยังเผชิญปัญหาหลายด้าน ส่วนในปีหน้าเชื่อว่าช่วงไตรมาสแรกจะได้อานิสงส์อย่างมากจากเงินดิจิทัลวอลเล็ต เพราะเป็นช่วงที่มีเทศกาลท่องเที่ยวมาก รวมถึงเทศกาลต่าง ๆ ซึ่งประชาชนจะออกมาใช้จ่ายมากขึ้น จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจได้อย่างชัดเจนในไตรมาส 1 ปี 2568