นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยในการลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์อุทกภัย ที่ จ.เชียงใหม่ (28 ก.ย. 2567) ร่วมกับนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ว่า จากการประชุมและจากการติดตามสถานการณ์ในพื้นที่นายกรัฐมนตรี มีความห่วงใยพี่น้องประชาชนที่ประสบภัยน้ำท่วม
กระทรวงพาณิชย์จึงได้สั่งการให้หน่วยงานในสังกัดเร่งดำเนินมาตรการช่วยเหลือเกษตรกร ประชาชน และผู้ประกอบการธุรกิจที่ได้รับผลกระทบ รวมทั้งให้ดูแลในเรื่องสินค้าที่จำเป็นต่อการครองชีพ อย่าให้สินค้าขาดแคลน หรือมีการฉวยโอกาสขึ้นราคาสินค้า จนกระทบกับพี่น้องประชาชน
ในการลงพื้นที่ครั้งนี้ กระทรวงพาณิชย์ได้ประสานพลังกับภาคเอกชนกว่า 50 แห่ง จัดชุดอุปกรณ์ที่จำเป็นต่อการทำความสะอาดบ้านเรือนจำนวน 2,000 ชุด อาทิ ไม้แปรงขัดพื้น ไม้รีดน้ำ น้ำยาล้างพื้น น้ำยาซักผ้า ผ้าห่ม ฟูกที่นอน เป็นต้น นำมามอบให้กับผู้ประสบอุทกภัยที่จังหวัดเชียงรายด้วย
สำหรับมาตรการช่วยเหลือผู้ที่ได้รับความเดือดร้อนในส่วนของสินค้าเกษตร ได้สั่งการให้กรมการค้าภายในประสานผู้ผลิต ผู้ประกอบการเข้าไปรับซื้อผลผลิตในพื้นที่น้ำท่วมอย่างเร่งด่วน และดูแลเกษตรให้ขายผลผลิตได้ในราคาที่เหมาะสม ส่วนประชาชนและผู้ประกอบการ กรมพัฒนาธุรกิจการค้า ได้ผ่อนผันการส่งเอกสารทางบัญชี การส่งงบการเงิน และผ่อนผันการยื่นจดทะเบียนนิติบุคคลที่ต้องยื่นตามที่กฎหมายกำหนด
ขณะเดียวกันยังได้ประสานร้านค้าส่งค้าปลีกต้นแบบที่อยู่ในความดูแลของกรมพัฒนาธุรกิจการค้า ขายสินค้าราคาพิเศษให้กับร้านค้าที่ประสบอุทักภัย ประสานสมาคมการค้าส่งปลีกไทย ร้านค้าต้นแบบในพื้นที่ และแม็คโคร ร่วมฟื้นฟูร้านค้าส่งปลีกที่ถูกน้ำท่วม ช่วยสร้างอาชีพให้กับผู้ประสบอุทกภัยด้วยการลดค่าธรรมเนียมพิเศษสำหรับผู้ที่ซื้อแฟรนไชส์
ส่วนการดูแลสินค้าที่จำเป็นต่อการครองชีพ และสินค้าซ่อมแซมบ้าน ได้ประสานห้างค้าส่ง-ค้าปลีก ห้างท้องถิ่น ร้านสะดวกซื้อ ห้างจำหน่ายวัสดุอุปกรณ์ก่อสร้าง อาทิ โฮมโปร ไทวัสดุ ดูโฮม โกลบอลเฮ้าส์ เมกาโฮม แม็คโคร บิ๊กซี โลตัส โกโฮลเซลล์ 7-Eleven ชมรมทายาทห้างค้าปลีก-ค้าส่งไทย บริษัท นิ่มซี่เส็ง จำกัด ป้อนสินค้าเข้าพื้นที่ และดูแลเรื่องการขนส่ง
“ได้รับการยืนยันสินค้ามีเพียงพอ การขนส่งไม่มีปัญหา และพร้อมจัดโปรโมชันลดราคาสินค้าเพื่อช่วยเหลือประชาชน โดยเฉพาะของใช้จำเป็น รวมทั้งวัสดุอุปกรณ์ในการซ่อมแซมและทำความสะอาด ส่วนกระทรวงพาณิชย์ จะจัดงานธงฟ้าราคาประหยัด และจัดส่งโมบายธงฟ้าเข้าไปยังพื้นที่ห่างไกล หลังน้ำท่วมทันที เพื่อช่วยลดภาระค่าครองชีพให้กับประชาชน”
ทั้งนี้ ได้กำชับให้สำนักงานพาณิชย์จังหวัด กำกับดูแลให้มีการปิดป้ายแสดงราคาสินค้า และเข้มงวดไม่ให้มีการฉวยโอกาสขึ้นราคาสินค้า และหากพบการกระทำผิด ให้ดำเนินการตามกฎหมายเด็ดขาด กรณีไม่ปิดป้ายแสดงราคาจะมีโทษปรับไม่เกิน 10,000 บาท และกรณีจำหน่ายสินค้าแพงเกินสมควรจะมีโทษจำคุกไม่เกิน 7 ปี หรือปรับไม่เกิน 140,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ประชาชน หากพบเห็นพฤติกรรมที่เข้าข่ายผิดกฎหมายหรือไม่เป็นธรรม สามารถร้องเรียนได้ทางสายด่วนกรมการค้าภายใน โทร 1569 ทางแอปพลิเคชันไลน์ @MR.DIT หรือสำนักงานพาณิชย์จังหวัดทุกจังหวัด