climatecenter

ชัชชาติ ชี้สถานการณ์น้ำเหนือปี67เทียบไม่ได้กับปี 54 ยันพร้อมเฝ้าระวัง

    ผู้ว่าฯชัชชาติ ชี้สถานการณ์น้ำเหนือปี67 เทียบไม่ได้กับปี 54 ยันพร้อมเฝ้าระวังต่อเนื่อง ระดับน้ำในเขื่อนสิริกิติ์ประมาณ 70% เทียบปี 54 เวลาเดียวกันเกือบเต็มเขื่อนแล้ว

 

สถานการณ์น้ำท่วมใหญ่ทางภาคเหนือยังกระทบเป็นวงกว้าง และไหลบ่าลงสู่ภาคกลาง รวมถึงกรุงเทพมหานครไม่เกินวันที่2กันยายนนี้ ส่งผลให้ในหลายพื้นที่เตรียมความพร้อมรับมือมวลน้ำที่จะมาถึง ล่าสุดวันที่28 ส.ค. 67 นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร(ผู้ว่าฯกทม.) 

ชัชชาติ สิทธิพันธุ์

ติดตามสถานการณ์น้ำกรุงเทพมหานคร จากฝนตกในช่วงคืนที่ผ่านมา โดยมี สำนักการระบายน้ำ ร่วมให้ข้อมูล ณ ศูนย์ควบคุมระบบป้องกันน้ำท่วม สำนักการระบายน้ำ กทม.2 ดินแดง

 

ผู้ว่าฯ ชัชชาติ กล่าวว่า คืนที่ผ่านมา (27 ส.ค. 67) กรุงเทพฯ มีฝนตกปานกลาง โดยฝนตกสูงสุดที่เขตราชเทวี 52.5 มม. มีน้ำท่วมขัง 4 จุด (ปัจจุบันแห้งหมดแล้ว)

 

 

คือ บริเวณ ถ.เพชรบุรีและหน้าโรงเรียนศรีอยุธยา เขตราชเทวี ซ.ปรีดีพนมยงค์ 20 และสุขวิท 39 เขตวัฒนา

เทียบระดับน้ำ

โดยรวมใช้เวลาเพียงประมาณครึ่งชั่วโมงแห้งหมด เช้านี้สถานการณ์น้ำกรุงเทพไม่มีน้ำท่วมขังในถนนหลัก แต่อาจมีในซอยย่อยบ้าง

สิ่งที่เป็นห่วงคือฝนภาคเหนือที่ยังตกหนักอยู่โดยเฉพาะ จ.น่าน เลย ซ้ำจุดเดิม แต่ภาพรวมยังไม่ได้น่ากังวลมาก ระดับน้ำในเขื่อนสิริกิติ์ตอนนี้ประมาณ 70% เทียบกับปี 54 เวลาเดียวกันเกือบเต็มเขื่อนแล้ว

แต่ช่วงนี้น้ำในเขื่อนอาจจะเพิ่มเร็วสักหน่อยต้องเฝ้าระวังต่อไป ด้านเขื่อนภูมิพล 44% ยังมีความจุเหลืออยู่เยอะ ส่วนปริมาณน้ำที่ไหลมายังกรุงเทพฯ โดยรวมยังไม่น่าเป็นห่วง

สถานการณ์ไม่ได้เลวร้ายเหมือนปี 54 แต่ต้องไม่ประมาทและเฝ้าระวังอย่างต่อเนื่อง เพราะร่องความกดอากาศต่ำยังอยู่ที่จังหวัดน่านทำให้ให้มีฝนตกลงลุ่มน้ำยมและน่านมาก ด้านน้ำ 4 ส่วนที่มีผลกระทบกับกรุงเทพฯ

คือ น้ำเหนือ น้ำทะเลหนุน น้ำฝน และน้ำท่า เวลานี้ต้องเฝ้าระวังน้ำฝนมากที่สุด แต่ก็ได้เตรียมการรับมือ ทั้งขุดลอกคูคลอง ท่อระบายน้ำ เสริมคันกั้นน้ำ อย่างต่อเนื่องมาโดยตลอด