ในยุคที่โลกกำลังเผชิญกับวิกฤตสภาพภูมิอากาศและความหลากหลายทางชีวภาพ แนวคิด "หนี้เพื่อธรรมชาติ" กำลังได้รับความสนใจอย่างมากในฐานะเครื่องมือทางการเงินที่อาจช่วยแก้ปัญหาสองเรื่องพร้อมกัน หนี้สินของประเทศกำลังพัฒนาและการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม
หนี้เพื่อธรรมชาติคืออะไร?
หนี้เพื่อธรรมชาติเป็นข้อตกลงที่ประเทศเจ้าหนี้ยอมลดหนี้ให้กับประเทศลูกหนี้ โดยแลกกับการที่ประเทศลูกหนี้ให้คำมั่นว่าจะดำเนินโครงการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม เช่น การปกป้องป่าไม้ แนวปะการัง หรือระบบนิเวศที่สำคัญอื่นๆ
แนวคิดนี้เริ่มต้นขึ้นในทศวรรษ 1980 แต่ได้รับความสนใจอีกครั้งในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ในฐานะรูปแบบหนึ่งของ "การเงินเพื่อสภาพอากาศ" ที่สามารถช่วยประเทศกำลังพัฒนาจัดการกับภาระหนี้และในขณะเดียวกันก็สนับสนุนการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม
เดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2566 เอกวาดอร์ ได้ลงนามข้อตกลงสำคัญที่จะช่วยปกป้องระบบนิเวศที่ใกล้สูญพันธุ์ของหมู่เกาะกาลาปากอสผ่านการขายพันธบัตรสีน้ำเงิน ซึ่งก็คือคือ ตราสารหนี้ที่ออกจำหน่ายเพื่อระดมทุนสนับสนุนการดำเนินงานและนโยบายของรัฐบาลให้สอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืนที่เกี่ยวข้องกับมหาสมุทร ทะเล และทรัพยากรทางทะเล ไปจนถึงการเปลี่ยนผ่านไปสู่เศรษฐกิจมหาสมุทรที่ยั่งยืน ที่จะครบกำหนดในปี พ.ศ. 2584
และขณะนี้กำลังพิจารณาแนวทางแลกเปลี่ยนหนี้เพื่อธรรมชาติใหม่เพื่อปกป้องป่าฝนอเมซอนและพื้นที่คุ้มครองทางทะเลตามแนวชายฝั่งแปซิฟิก ตามรายงานของ Reuters เมื่อเดือนเมษายน พ.ศ. 2567
นอกจากเอกวาดอร์ ก็ยังมีบาร์เบโดส เบลีซ กาบอง และเซเชลส์ ต่างทำการแลกเปลี่ยนดังกล่าวในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา แต่โครงการริเริ่มของแอฟริกาจะเป็นโครงการแรกที่จะทำให้หลายประเทศใช้ระบบนิเวศที่แตกต่างกัน
แก้ปัญหาหนี้ หลายประเทศกำลังพัฒนามีภาระหนี้สูง บางประเทศต้องใช้เงินถึง 20% ของ GDP เพื่อชำระหนี้ ทำให้ไม่สามารถลงทุนในการพัฒนาประเทศหรือการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมได้
ช่วยสิ่งแวดล้อม เปิดโอกาสให้ประเทศเหล่านี้สามารถทุ่มเททรัพยากรเพื่อปกป้องธรรมชาติ ซึ่งมักเป็นแหล่งความหลากหลายทางชีวภาพที่สำคัญของโลก
ต่อสู้กับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ การอนุรักษ์พื้นที่ธรรมชาติช่วยดูดซับคาร์บอนไดออกไซด์และบรรเทาผลกระทบจากภาวะโลกร้อน
ลดช่องว่างทางการเงิน ช่วยแก้ปัญหา "ช่องว่างทางการเงิน" ด้านความหลากหลายทางชีวภาพที่ประเมินไว้ที่ 700,000 ล้านดอลลาร์ต่อปี
สนับสนุนเป้าหมายระดับโลก สอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนและข้อตกลงระดับโลกในการปกป้องท้องทะเลและผืนดิน 30% ภายในปี พ.ศ.2573
การวิเคราะห์พบว่าการแลกเปลี่ยนหนี้เพื่อธรรมชาติสามารถปลดล็อกเงินได้มากถึง100,000 ล้านดอลลาร์ เพื่อฟื้นฟูธรรมชาติและช่วยในการปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
การประมาณการของสถาบันระหว่างประเทศเพื่อสิ่งแวดล้อมและการพัฒนา เน้นไปที่ความเป็นไปได้ของการแลกเปลี่ยนหนี้ใน 49 ประเทศที่มีความเสี่ยงสูงสุดในการผิดนัดชำระหนี้ต่างประเทศซึ่งมีข้อมูลอยู่
ตามข้อมูลของกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) คาดว่า ภายในปี ค.ศ.2050 ทั่วโลกจะต้องเสียค่าใช้จ่ายระหว่าง 3-6 ล้านล้านดอลลาร์ต่อปีในการบรรเทาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศแต่ถึงแม้ว่าเศรษฐกิจที่พัฒนาแล้วจะมีความสามารถในการรับมือกับการเปลี่ยนแปลงและลงทุนในความพยายามบรรเทาผลกระทบได้ดีกว่า แต่เศรษฐกิจเกิดใหม่ยังมีช่องว่างด้านเงินทุนจำนวนมาก
กลไกการทำงาน
การออกพันธบัตร ประเทศลูกหนี้ออกพันธบัตรใหม่ เช่น "พันธบัตรสีน้ำเงิน" หรือ "พันธบัตรธรรมชาติ" ที่มีอัตราดอกเบี้ยต่ำกว่า
การแลกเปลี่ยนหนี้ พันธบัตรใหม่นี้จะถูกใช้เพื่อซื้อและแทนที่หนี้เดิมที่มีต้นทุนสูงกว่า
การนำเงินไปใช้ เงินที่ประหยัดได้จากการจ่ายดอกเบี้ยที่ลดลงจะถูกนำไปใช้ในโครงการอนุรักษ์ธรรมชาติ
การติดตามและประเมินผล มีการกำหนดเป้าหมายและตัวชี้วัดที่ชัดเจนเพื่อติดตามความคืบหน้าของโครงการอนุรักษ์
ความคืบหน้าแลกหนี้เพื่อธรรมชาติ
แอฟริกา 5 ประเทศในแอฟริกา (ยังไม่ระบุชื่อ) กำลังร่วมมือกันจัดทำข้อตกลงหนี้เพื่อธรรมชาติมูลค่า 2 พันล้านดอลลาร์ เพื่อปกป้องพื้นที่มหาสมุทรอินเดีย โดยเป็นส่วนหนึ่งของแผนอนุรักษ์ "กำแพงสีน้ำเงิน" ที่มีเป้าหมายปกป้องและฟื้นฟูระบบนิเวศมหาสมุทรพื้นที่ 2 ล้านเฮกตาร์ภายในปี พ.ศ.2573
มาดากัสการ์ กำลังเจรจาเพื่อปกป้องเกาะจำนวน 250 เกาะ ซึ่งเป็นแหล่งรวมของระบบแนวปะการังที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลกและมีพื้นที่ป่าชายเลนที่กว้างขวางที่สุดในมหาสมุทรอินเดียตะวันตก
แคริบเบียน บางประเทศในแคริบเบียนกำลังพิจารณาแผนที่คล้ายกันสำหรับแนวปะการังของตน
อนาคตของหนี้เพื่อธรรมชาติ
แม้จะมีความท้าทาย แต่แนวคิดหนี้เพื่อธรรมชาติก็มีศักยภาพสูงในการแก้ปัญหาทั้งด้านเศรษฐกิจและสิ่งแวดล้อม คาดว่าจะมีประเทศและภูมิภาคอื่นๆ สนใจทำข้อตกลงในลักษณะนี้มากขึ้น และอาจเกิดนวัตกรรมทางการเงินรูปแบบใหม่ที่ผสมผสานแนวคิดนี้กับเครื่องมือทางการเงินอื่นๆ
บริษัทในอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้อง เช่น การประมง การเดินเรือ และการท่องเที่ยว อาจเข้ามามีบทบาทในการสนับสนุนโครงการเหล่านี้มากขึ้น โดยอาจมีการพัฒนามาตรฐานและแนวปฏิบัติที่ดีในระดับสากลสำหรับการทำข้อตกลงหนี้เพื่อธรรมชาติ
หากประสบความสำเร็จ การแลกเปลี่ยนหนี้เพื่อธรรมชาติอาจเป็นเครื่องมือสำคัญในการระดมทุนเพื่อปกป้องสิ่งแวดล้อมและช่วยประเทศกำลังพัฒนาจัดการกับภาระหนี้ไปพร้อมกัน นับเป็นแนวทางที่น่าจับตามองและอาจเป็นส่วนสำคัญในการต่อสู้กับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและการสูญเสียความหลากหลายทางชีวภาพในอนาคต
อ้างอิงข้อมูล
ข่าวที่เกี่ยวข้อง