คำถามถึง "นายปิยบุตร แสงกนกกุล"

12 พ.ค. 2563 | 11:40 น.
อัปเดตล่าสุด :15 พ.ค. 2563 | 08:07 น.

คอลัมน์ข้าพระบาท ทาสประชาชน ฐานเศษรฐกิจ ฉบับ 3574 หน้า 6 ระหว่างวันที่ 14-16 พ.ค.63 โดย...ประพันธุ์ คูณมี

ในขณะที่ประเทศไทย และประเทศต่างๆ ทั้งโลก กำลังตกอยู่สถานการณ์วิกฤติร้ายแรง ต่อหน้าความเป็นความตาย อันเนื่องมาจากการเกิดโรคระบาดร้ายแรงของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ที่ทำให้ผู้คนที่ติดเชื้อ เจ็บป่วย ล้มตายกันเป็นเบือ สถานการณ์ทั่วโลก 11 พฤษภาคม 2563 มีผู้ป่วยยืนยัน 4,180,305 ราย เสียชีวิต 283,860 ราย อยู่ในการรักษา 2,405,669 ราย กลับบ้านรักษาหาย 1,490,776 ราย

 

ส่วนประเทศไทย ณ วันที่ 11 พฤษภาคม 2563 มีผู้ป่วยยืนยัน 3,015 ราย เสียชีวิตแล้ว 56 ราย กลับบ้านรักษาหาย 2,796 ราย ยังรักษาอยู่ในโรงพยาบาล 163 ราย ซึ่งในช่วงเวลาร่วม 4 เดือน ที่โลกทั้งโลกและประเทศไทย ต้องเผชิญกับภาวะวิกฤติ ทุกคนทุกประเทศต่างทุ่มเทเพื่อรับมือแก้ไขกับปัญหาดังกล่าว ที่แทบทำให้โลกต้องหยุดกิจกรรมทางเศรษฐกิจ กิจกรรมทางสังคม จนหมดสิ้น โดยมุ่งความสนใจทุ่มเทเพื่อช่วยชีวิตประชาชนในประเทศของตน

 

กล่าวสำหรับประเทศไทย ทุกกลไกและทุกหน่วยงานของรัฐ โดยเฉพาะแพทย์ พยาบาล และบุคคลากรทางการแพทย์ทั้งหมด ต่างต้องทำงานหนักเหนื่อย ด้วยความทุ่มเทเสียสละ ด้วยชีวิตและความรู้ความสามารถ เพื่อจะควบคุมการระบาดของโรค และช่วยชีวิตพี่น้องไทยผู้ติดเชื้อ ให้ปลอดภัยรอดชีวิต รัฐบาลต้องระดมทุกมาตรการ เพื่อให้วิกฤติครั้งนี้คลี่คลายผ่านพ้นไปได้

ประชาชนทุกหมู่เหล่า ทุกสาขาอาชีพ ทุกชนชั้น ไม่เว้นแม้พระสงฆ์ ต่างร่วมแรงร่วมใจกัน เสียสละ ร่วมมือกับรัฐบาล และเสียสละทรัพย์สินเงินทอง เพื่อเอื้อเฟื้อแก่ผู้ยากไร้ ผู้ประสบปัญหาที่ได้รับผลกระทบจากภาวะวิกฤติ เพื่อช่วยให้ทุกคนผ่านพ้นวิกฤติไปด้วยกัน โดยไม่ทอดทิ้งกัน ใครมีเงินออกเงิน มีสิ่งของก็เอามาแบ่งปัน มีแรงก็ช่วยแรง ไม่มีอะไรที่จะช่วยก็สนับสนุนให้กำลังใจ ทำอะไรไม่ได้เลยก็อยู่เฉยๆ ไม่ออกมาป่วนหรือเอาเท้าราน้ำ

 

ในขณะที่บ้านเมืองตกอยู่ในภาวะวิกฤติร้ายแรงเช่นนี้ ประเทศและประชาชน สังคมทั้งสังคม ต้องการความรักความสามัคคี ต้องการความร่วมมือร่วมแรงกัน เพื่อให้ประเทศชาติและประชาชนรอดพ้นภยันตรายจากโรคระบาดร้ายแรง ขอถาม นายปิยบุตร แสงกนกกุล ในฐานะที่คุณเสนอตัวมาเป็นนักการเมือง สร้างจุดขายต่อประชาชนว่าเป็นคนรุ่นใหม่ เป็นทางเลือกใหม่ ใส่เสื้อคลุมประชาธิปไตย ด้วยว่า "คุณทำอะไรบ้างที่เป็นประโยชน์กับประเทศ และพี่น้องประชาชน หรือช่วยเหลือสังคม"

 

ในยามบ้านเมืองตกอยู่ในภาวะเช่นนี้ มันเป็นการสมควรแล้วหรือที่คุณจะมาวิจารณ์การที่พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งให้ นายนุรักษ์ มาประณีต เป็นองคมนตรี ด้วยการวิจารณ์ตีวัวกระทบคราด สื่อความหมายให้ผู้คนเข้าใจว่าการแต่งตั้งดังกล่าวไม่เหมาะสม

 

 ทั้งที่คุณก็ทราบดีว่า การเลือกและแต่งตั้งองคมนตรี เป็นเรื่องตามพระราชอัธยาศัย ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 11 วิญญูชนทั้งหลายอ่านการวิจารณ์ของคุณแล้ว ใครก็คิดได้ มองออกว่าคุณไม่ได้แสดงความคิดเห็นในทางวิชาการ แต่มีเจตนาแอบแฝงเพื่อจะวิจารณ์ให้กระทบถึงสถาบันพระมหากษัตริย์ ให้เป็นที่ระคายเคือง ด้วยเหตุที่คุณไม่พอใจที่พรรคถูกยุบ จากความผิดที่พวกคุณก่อขึ้นเอง แม้คุณจะพยายามชี้แจงอย่างไร มันก็คือการตะแบงและเข้าสีข้างถูดีๆ นี่เอง

 

การทำกร่าง แสดงความกล้าหาญ แสดงตนประหนึ่งว่าเป็นผู้นำการปฏิวัติสังคมไทย ด้วยการยกเรื่องในประวัติศาสตร์ฝรั่งเศส ว่าด้วยเรื่อง "ชาติตกอยู่ในอันตราย" และมีการระงับตำแหน่งกษัตริย์ฝรั่งเศสชั่วคราว อันเป็นการยกเรื่องนี้มาพูดในช่วงเวลาวันฉัตรมงคล ที่ชนชาวไทยต่างแสดงออกซึ่งความจงรักภักดีและถวายพระพรต่อพระมหากษัตริย์ในวโรกาสที่สำคัญเช่นนี้

คำถามคือคุณหยิบยกมาพูดเพื่ออะไร มันเกี่ยวอะไรกับประเทศบ้านเมืองของไทยขณะนี้ หรือคุณต้องการจะเสนอให้ระงับตำแหน่งพระมหากษัตริย์ในประเทศไทย แน่จริงคุณควรมีความกล้าหาญที่จะตอบ อย่าทำตัวเป็นนักปฏวัติขี้ขลาด หรือสักแต่พ่นความคิดเพ้อถึงการปฏิวัติฝรั่งเศสไปวันๆ แบบพวกท่องตำรามาพูดเหมือนเด็กร้อนวิชา ความคิดซ้ายจัดจมปลัก ไม่รู้อะไรควรมิควร

 

ถามจริงเถอะครับ นายปิยบุตร คุณต้องการอะไรหรือ ถ้าคุณต้องการปฏิวัติประเทศไทยจริง เช่นเดียวกับที่คุณคลั่งและหลงไหลการปฏิวัติฝรั่งเศส และถ้าคุณไม่ขี้ขลาด คุณก็ประกาศให้ "คณะก้าวหน้า" ของคุณกับพวกเป็น "สมัชชาแห่งชาติ" ไปเลยสิครับ เป็นตัวแทนฐานันดรของมวลชนที่พวกคุณจะปลุกระดมมาเป็นเครื่องมือปฏิวัติ ประกาศแถลงการณ์และแสดงจุดยืนของคุณกับพวกไปเลยครับ ว่าคุณกับพวกต้องการล้มระบอบกษัตริย์ ตามเจตนารมณ์ 2475 คุณจะได้มีโอกาสทดสอบวิชาความรู้และทฤษฎีการปฏิวัติฝรั่งเศส ว่าสามารถนำมาประยุกต์ใช้กับการปฏิวัติสังคมไทยได้หรือไม่

 

ยุคแห่งการปฏิวัติแบบฝรั่งเศสก็ดี หรือการปฏิวัติของบอลเชวิค แบบรัสเซีย หรือแบบจีนแผ่นดินใหญ่นั้น มันได้ล่วงพ้นยุคสมัยไปนานแล้ว สังคมไทย สังคมโลกเปลี่ยนแปลงไปไกล เกินกว่าความคิดทฤษฎีปฏิวัติงมงายของคุณจะนำมาใช้ได้ โลกเข้าสู่การปฎิวัติอุตสาหกรรมครั้งที่ 4 แล้ว เทคโนโลยีมีการพัฒนาต่อยอดและผสมผสานระหว่างการปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งที่ 3 กับ 4 เพื่อการรับใช้มนุษย์ได้อย่างกว้างขวางยิ่งขึ้น การแก้ปัญหาชีวิตความเป็นอยู่ของมนุษยชาติ มีวิธีการที่ดีกว่าการปฏิวัติสังคม และสังคมไทยยังไม่มีวิกฤติความยากจนถึงขนาดที่คนไม่มีจะกิน หรือไม่มีขนมปังจะรับประทานแบบฝรั่งเศส

 

แต่เมืองไทยมีแต่ "ตู้ปันความสุข" สถาบันพระมหากษัตริย์ มิได้วางตนอยู่ด้วยการกดขี่ขูดรีดประชาชน แต่ทรงเป็นที่รักและเทิดทูน และมีความสัมพันธ์ในลักษณะ "ราชประชาสมาสัย" โดยพระมหากษัตริย์กับประชาชนนั้นเป็นหนึ่งเดียว ประชาชนรักพระเจ้าแผ่นดิน เพราะพระเจ้าแผ่นดินไม่เคยทอดทิ้งประชาชน สังคมไทยไม่มีขุนนางรีดนาทาเร้นราษฎร ไม่มีกฎุมพีนายทุนขูดรีดสูบเลือดเนื้อประชาชน แต่เรามีเศรษฐีทีมไทยแลนด์ ที่พร้อมเสียสละทรัพย์สินช่วยเหลือประชาชน

 

ความขัดแย้งทางชนชั้นในสังคมไทย จึงยังไม่รุนแรงถึงขนาดต้องปฏิวัติโค่นล้มกัน ขบวนการของพวกคุณยังละอ่อน ไม่มีกองกำลังติดอาวุธ และยังไม่มีทหารแปรภักตร์มากพอที่จะไปร่วมมือกับพวกคุณ หยุดเพ้อเจ้อและเพ้อฝันถึงการปฏิวัติฝรั่งเศสเถอะ เพราะมันล้าสมัยล้าหลังสิ้นดีไม่มีทางเกิดขึ้น ความคิดซ้ายตกขอบของคุณเช่นนี้ ประชาชนไทยส่วนใหญ่ไม่มีวันยอมพวกคุณเด็ดขาด ถ้าไม่เชื่อก็จงไปถามรุ่นพี่ๆ ที่เคยเข้าป่าจับปืนร่วมกับพรรคคอมมิวนิสต์ ทำสงครามปฏิวัติตามแนวทาง "ชนบทล้อมเมือง" ที่ล้มเหลว และกลับมาเป็นที่ปรึกษาให้พรรคอนาคตใหม่ก่อนถูกยุบดูก็ได้

 

คุณอาจตาสว่าง ยังมีเวลาที่คุณจะคิดทบทวน ก่อนที่พวกคุณจะไม่มีแผ่นดินอยู่ หรือโดนประชาทัณฑ์จมดิน