+++ “เสี่ยง” เป็น “เสี่ยง” ว่าแล้ว บิ๊กตู่- พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ในฐานะศูนย์บริหารสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) ก็ตัดสินใจเด็ดขาด เด็ดเดี่ยว ประกาศเตรียมเปิดประเทศภายใน 120 วัน ดังคำที่แถลงการณ์ผ่านโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประไทย เมื่อวันที่ 16 มิ.ย.2564 ที่ผ่านมา
+++ “วันนี้ ผมขอแจ้งให้ทุกท่านทราบว่า ผมตั้งเป้าเอาไว้ว่า ประเทศไทยจะต้องเปิดประเทศ ทั้งประเทศ ให้ได้ภายใน 120 วัน นับจากวันนี้ ส่วนเมืองท่องเที่ยวที่สำคัญๆ หากพร้อมได้เร็วกว่า ก็ควรทยอยเปิดให้ได้เร็วกว่านั้น ยกเว้นหากมีสถานการณ์ร้ายแรงใหม่เกิดขึ้น หรือมีความจำเป็นจริงๆ ก็ให้พิจารณาเป็นกรณีไป ผมรู้ดีว่าการตัดสินใจของผมวันนี้ มาพร้อมกับความเสี่ยง เพราะเมื่อเราเปิดประเทศ ไม่ว่าเราจะเตรียมการป้องกันขนาดไหนก็ตาม ก็ยังมีความเป็นไปได้ว่า อาจจะทำให้มีจำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นบ้าง แต่เมื่อเราประเมินสถานการณ์ และคิดถึงความอยู่รอดในการทำมาหากินของพี่น้องประชาชน ผมคิดว่า ถึงเวลาแล้วครับที่เราจะต้องยอมรับความเสี่ยงร่วมกันบ้าง หากความเสี่ยงนั้น เราได้ประเมินอย่างรอบคอบแล้วว่า อยู่ในระดับที่พอจะรับได้ เราต้องจัดลำดับความสำคัญภายใน สำหรับประเทศไทยของเรา เพื่อให้ประเทศเดินหน้าต่อไปได้”
+++ “เราได้เห็นกันแล้วและต้องทำใจว่า ทั่วโลกยังจะต้องอยู่กับไวรัสนี้ต่อไปอีก ซึ่งก็รวมถึงประเทศไทยด้วย แต่อย่างไรก็ตาม เราไม่สามารถรอจนไวรัสนี้หมดไปจากโลก และเราก็ไม่สามารถรอ จนทุกคนได้รับการฉีดวัคซีนครบ 2 โดสกันถ้วนหน้าก่อน แล้วจึงค่อยเปิดประเทศ สิ่งที่เราต้องทำก็คือ เราต้องเรียนรู้ที่จะอยู่กับมันให้ได้เหมือนกับโรคภัยอื่นๆ จัดการโควิดให้อยู่ในระดับที่ควบคุมได้ และให้พี่น้องประชาชนสามารถกลับออกมาทำมาหากินกันได้อีกครั้ง นี่คือนโยบายของผม และเป็นเป้าหมายที่ผมตั้งไว้”
+++ “การเดินหน้าแผนฉีดวัคซีนให้กับพี่น้องประชาชนมีความคืบหน้ามาอย่างต่อเนื่อง วันนี้ ผมอยากจะอัพเดทให้ทุกท่านทราบ ถึงโรดแมปที่เรากำลังจะเดินหน้าต่อไป เพื่อเริ่มการพลิกฟื้นจากวิกฤตโควิด-19 ที่เกิดขึ้นทั่วโลก ในช่วง 1 เดือนกว่าที่ผ่านมานี้ การที่ผม ในฐานะนายกรัฐมนตรีสามารถสั่งการโดยตรงได้ โดยมีเป้าหมายเพื่อช่วยบูรณาการ การทำงาน และช่วยแก้ปัญหาต่างๆ ที่อาจจะเกิดขึ้นในการทำงานใหญ่ ที่มีหลายหน่วยงานมาเกี่ยวข้อง วันนี้ ได้มีส่วนช่วยให้หน่วยงาน และคณะกรรมการชุดต่างๆ สามารถทำงานร่วมกันได้อย่างฉับไว และเป็นไปในทิศทางเดียวกันมากยิ่งขึ้น ตลอดจนแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นได้อย่างรวดเร็วทั้งหมดเป็นการทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิด บนพื้นฐานการรับฟังคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญจากทุกกระทรวง ทุกหน่วยงาน และจากทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง วิธีการทำงานแบบนี้ เป็นวิธีเดียวกับที่เราเคยใช้เมื่อตอนเริ่มต้นที่เกิดการแพร่ระบาดของโควิด-19 เมื่อปีก่อน”
+++ “ด้วยวิธีการทำงานแบบนี้ ช่วยให้เราเดินหน้า ตัดสินใจเรื่องต่างๆ ได้อย่างรวดเร็ว และช่วยขจัดปัญหาบางอย่าง รวมทั้งทำให้มีความคืบหน้า ในการเดินหน้าเจรจากับผู้ผลิตวัคซีนรายใหม่ๆ ได้เป็นอย่างดี จนถึงปัจจุบัน เราอยู่ในระหว่างการทำงาน กับผู้ผลิตวัคซีน จำนวน 6 รายแล้ว ได้แก่ ไฟเซอร์, จอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน, โมเดิร์นน่า, รวมถึง แอสตราเซเนก้า, ซิโนแวค, และ ซิโนฟาร์ม นอกจากนั้น ในส่วนของการเดินหน้าจัดหาวัคซีนเพิ่มเติม จนถึงตอนนี้ ยืนยันการจัดหา โดยมีการลงนามในสัญญาจอง หรือสัญญาซื้อไปแล้ว 105.5 ล้านโดส ทำได้เกินเป้าหมายที่เราตั้งไว้สำหรับปีนี้ โดยทั้งหมดจะทยอยส่งมอบเข้ามา ภายในปีนี้ และจะทยอยฉีดต่อไป พร้อมกันนี้ เรายังจะเดินหน้าจัดหาวัคซีนเพิ่มเติมอีกสำหรับปีหน้า”
+++ “การเดินหน้าตามแผนฉีดวัคซีนนี้ เราจะสามารถฉีดวัคซีนให้ประชาชนได้โดยเฉลี่ย ประมาณเดือนละกว่า 10 ล้านโดส หากวัคซีนส่งมาเพียงพอในแต่ละเดือน และประมาณต้นเดือน ต.ค.จะมีประชาชนที่ได้รับการฉีดวัคซีน อย่างน้อยเข็มแรกแล้ว จำนวน 50 ล้านคน วันนี้ ผมขอแจ้งให้ทุกท่านทราบว่า ผมตั้งเป้าเอาไว้ว่า ประเทศไทยจะต้องเปิดประเทศทั้งประเทศ ให้ได้ภายใน 120 วัน นับจากวันนี้ นักท่องเที่ยวที่ฉีดวัคซีนครบโดส เรียบร้อยแล้ว ควรเดินทางเข้าประเทศไทยได้ โดยไม่ต้องกักตัว และไม่ต้องมีเงื่อนไขข้อห้ามที่สร้างความยากลำบาก รวมทั้งคนไทยที่เดินทางไปต่างประเทศ หากเป็นคนที่ฉีดวัคซีนครบโดสแล้ว ก็ควรที่จะสามารถเดินทางกลับเข้าประเทศของตัวเองได้ โดยไม่ต้องกักตัวเช่นเดียวกัน”
+++ ทั้งหมดคือ เจตนารมณ์ของ “นายกฯบิ๊กตู่” ในการนำพาประเทศฟันฝ่าวิกฤติโควิด-19 ที่เราต้องต่อสู้กันมา 1-2 ปี ตั้งแต่โควิดระลอกแรก 1 ระลอก 2 และมาถึงระลอก 3 นับแต่นี้ไปต้องให้กำลังใจรัฐบาล ให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายทุกคนที่เกี่ยวข้อง เพื่อช่วยกันนำพาประเทศกลับคืนสู่ภาวะปกติให้จงได้ ถือเป็นการเดิมพันประเทศ เดิมพัน “นายกฯบิ๊กตู่” ราวเดือน “ตุลาคม” เรามาลุ้นกันว่า ไทยจะ “เปิดประเทศ” ได้หรือไม่