I.Q. หรือ Intelligence Quotient คือ ความฉลาดทางสติปัญญา วัดความสามารถเกี่ยวกับการคิด การวิเคราะห์ การสังเคราะห์ การจดจำ การคำนวณ การเปรียบเทียบ การใช้เหตุผล ประเด็นนี้ไม่บังคับให้ใครยอมรับ แต่ก็ขอขืนใจว่าโปรดอย่าเพิ่งรีบปฏิเสธ (ฮา)
ล่าสุดมีการแย้งว่า I.Q. มันเป็นความรู้ที่หมดอายุแล้ว เดี๋ยวนี้ D.Q. หรือ Digital Quotient คือ ความฉลาดทางดิจิทัล ปาดหน้าเค้กหลักการ I.Q. ไปไกล ผมขอเปิดหน้าว่าความ แทน I.Q. ว่า D.Q. เป็น ชุดความรู้แนวใหม่ที่มีคุณค่าในขณะเดียวกัน I.Q. ก็ยังคงเป็น ชุดความรู้แนวเดิมที่มีคุณค่า
อุปมาลวกๆ ก่อนว่า เมียคนใหม่ เธอช่าง อะ…อ๊า อิ…อี๊ อึ…อื๊อ อุ…อู้ววววว (ฮา) เมียคนเก่า ไม่เข้าท่าเอาซะเลย เธอแสนจะ อะ…อา อิ…อี อึ…อือ อุ…อู (ฮา) จำคติ “ได้เรืออย่าถีบแพ” ได้ป่ะ
อุปมาลึกๆ อีกนิดหนึ่งว่า ก๋ง ท่านบวกลบตัวเลขด้วย ลูกคิด ปัจจุบัน สังคมโลกหันมาใช้ เครื่องคิดเลขดิจิตอล
เราอย่าเพิ่งถีบ ลูกคิด กระเด็นไปแอ้งแม้งอยู่ห่างๆ วันไหนเราจะต้องหนีภัยฉุกเฉินจากเนินเขาลงมาตามทางถนนลูกรัง เราคงจะใช้ เครื่องคิดเลขดิจิตอล เป็นพาหนะไม่ได้ ลูกคิด มีล้อ สามารถเอามาใช้สไลด์แทนสเก๊ตได้ดีระดับหนึ่ง (ฮา) ข้อสำคัญที่พึงพิจารณา คือ เทคโนโลยี่ เป็น เครื่องมือชนิดหนึ่ง ที่ช่วยให้เราสะดวกกว่า
อย่างไรก็ตาม คนฉลาด ที่มี ทักษะ ทั้งห้า คือ ผู้สร้าง เทคโนโลยี่ วันใดที่ เทคโนโลยี่ กลายเป็น เทคโนโลยี้ วันนั้น คนที่จะช่วยแก้ไขสถานการณ์ได้ดีกว่าก็ต้องเป็นคนที่มี I.Q. อยู่ดี จังจ๊าค รุสโซ ท่านกล่าวเตือนไว้ว่า “วันใดที่เทคโนโลยี่พัฒนามากขึ้น วันนั้นคนจะด้อยพัฒนาอย่างน่าเป็นห่วง”
เคยดูหนังจีนผ่านจอแก้วอยู่เรื่องหนึ่ง จำได้ไม่ละเอียดว่า จึงขออภัยที่ต้องเล่าแบบสมมุติให้อ่านแก้ขัดแต่มันเป็นซีนที่มันชะมัด ความว่า แม่ทัพเมืองจะเอา (ฮา) ได้รับคำสั่งให้ออกล่าอาณานิคม ครานั้น แม่ทัพก็เข้าไปข่มขู่ เมืองไม่ให้ ถึงใจกลางท้องพระโรง เขายก ถุงผ้าทองคำ ที่พกพาติดตัวขึ้นมาแล้วพูดว่า “ถ้าไม่มีใครตอบได้ว่าทองก้อนนี้หนักเท่าไหร่ ข้าจะยึดเมืองทันที”
แต่ละคนวนเวียนกันมาตอบผิดแล้วผิดอีก ขณะที่กำลังจะประกาศยึดเมือง ราชธิดาเพิ่งเสด็จกลับวังก็เข้ามาขัดจังหวะขอตอบคำถาม ทรงตอบ แม่ทัพเมืองจะเอาอย่างสุดฉลาดว่า “ทองก้อนนี้หนักเท่ากับศรีษะของท่านแม่ทัพ ถ้าไม่เชื่อก็ต้องตัดศรีษะเจ้าเอามาชั่งดู” (ฮา)
Guru ทั่วโลกยังคงยืนยันว่า ในยุคปกติใหม่ Hard Skill กับ Soft Skill เราจะทิ้งอย่างหนึ่งอย่างใดไม่ได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง สุดยอดความคิด ที่ผลิดอกออกใบมาจาก มนุษย์อัจฉริยะ ทันสมัยใช้ได้เสมอ อย่าเอาชุดความรู้ระดับปริญญาเอก มาบดขยี้ ชุดความรู้ระดับประถม ปัญหาบางปัญหาต้องอาศัยรุ่นใหญ่ก็ใช่อยู่ เรื่องบางเรื่องเราก็ต้องพึ่งพารุ่นเล็กก็เป๊กพ่อ
ได้อ่านเรื่องเล่า “ไอ้พวกกระจอก” จาก กระทู้สนทนา ประเภทครอบครัว ในห้องพันธ์ทิพย์ ผมชอบความคิดของ Me กับ He ความว่า เรื่องนี้เกิดขึ้นกับ Me ที่ปั๊มน้ำมันในขอนแก่น Me เขานั่งสูบบุหรี่ ดูชีวิตคนอื่นไปเรื่อยๆ สายตาสะดุด He ที่มานั่งลงข้างๆ เห็นว่า He ขับมอเตอร์ไซค์ โนวา อาร์เอส เก่าๆ ฟอร์มคนส่งเอกสารเต็มยศ
He เอ่ยปากขอยืมไฟเเช็คจุดบุหรี่ Me ยื่นให้แล้วถามว่า มอเตอร์ไซค์คันนี้จะขับได้ไกลแค่ไหน ใกล้พังเต็มที จะไหวไหมเนี่ย He ตอบว่า วันก่อนเป็นรถใหม่เหมือนรถพี่ วันนี้เป็นรถเก่า ที่เป็นรถผม ผมดูแลดี วิ่งได้ไม่ดับแสดงว่าปกติ เสียแต่ตรงที่เก่า แต่เวลาที่เราไปห้างพี่ก็ต้องจอดเขาไว้ที่ลานจอดรถ ถือว่าพี่กับน้องก็เท่ากันแล้ว
ทีนี้ก็ขึ้นอยู่ว่าพี่มีเงินในกระเป๋าเท่าไร อย่าตัดสินคนที่เปลือก Me ยิงคำถามต่อว่า เอ้า! แล้วพี่ไม่อยากได้รถใหม่เหรอ ไม่กลัวลูกพี่อายเพื่อนๆ He บอกว่า ให้ซื้อเงินผ่อนแล้วนั่งเลียรถหรือไง ผมบอกลูกว่า พ่อซื้อรถใหม่ได้แต่พ่อจะพาครอบครัวไปเที่ยวไม่ได้ เพราะต้องแบ่งเงินไว้ผ่อนรถ พ่อต้องหาเงินจ่ายค่างวดหกปี ต้องส่งลูกเรียน เราต้องอดอยากกันนิดหนึ่ง อย่างนั้นจะเอาไหม ลูกเขาตอบว่า ถ้ามันลำบากขนาดนั้นไม่เอาหรอก ขอแค่พ่อรักและดูแลพวกเราให้ดีก็พอแล้ว
He เล่าต่อว่า ทีวีบ้านเขาเป็น LED จอใหญ่พอควร Me ขัดคอว่า พี่จะไม่ฟุ้งเฟ้อแต่มี LED He แจงว่า ทีวีเป็นความบันเทิงชิ้นเดียวที่บ้านเขาใช้ร่วมกัน มันไม่ได้เหลือบ่ากว่าแรง มันเป็นเพียงความสุขที่ครอบครัวเลือกได้ อย่างนี้แพงไหม He ย้อนว่า มีฝันอยากได้นั้นได้นี่ไหม Me ตอบว่า ฝันถึงบ้านหลังใหญ่ มีรถ มีเงิน พี่มีฝันไหม
He ตอบว่า กำลังฝันใหม่ ฝันที่เคยฝันไว้ว่า จะมีครอบครัวที่น่ารัก จะพาเขาไปเที่ยวทะเล จะซื้อโทรทัศน์ดีๆ พี่ทำได้แล้ว ฝันของน้องเป็นจริงกี่อย่าง Me ตอบว่า ไม่มี He บอกว่า ฝันใหญ่ไปก็ทำลำบาก พี่มาจากลบศูนย์ วันนี้ถือว่าถึงเส้นชัย วันหน้าฝันใหม่ ถ้าทำได้ก็อริยะ ดีกว่าแก่งแย่งแล้วอริเยอะ!
นี่ไง! “คนฉลาดต้องรู้จักตัวเอง” รู้ Meta ถ้าปัญญาไม่ผลิดอกก็พอจะออกผลได้บ้าง ผลเสีย ไงล่ะ (ฮา)