ในยุคของ AI มนุษย์และเทคโนโลยีต้องพัฒนาไปควบคู่กัน

07 ก.ค. 2567 | 06:06 น.
อัปเดตล่าสุด :07 ก.ค. 2567 | 06:16 น.

ในยุคของ AI มนุษย์และเทคโนโลยีต้องพัฒนาไปควบคู่กัน : บทความ โดย... รบส สุวรรณมาศ ผู้นำด้านนวัตกรรม เซลส์ฟอร์ซ ประเทศไทย หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับ 4007

ความก้าวหน้าของปัญญาประดิษฐ์ (AI) ได้ทำให้เราเชื่อว่าเทคโนโลยีจะช่วยให้การทำงานของเราง่ายขึ้น และมีประสิทธิภาพมากขึ้น การนำผู้ช่วย AI (AI Assistant) ที่สามารถตอบคำถาม สร้างคอนเทนต์ และทำงานต่าง ๆ ให้เราได้แบบอัตโนมัติมาใช้ในปัจจุบัน ชี้ให้เห็นถึงศักยภาพที่ยิ่งใหญ่ในการที่ AI จะทำให้ธุรกิจของเรามีประสิทธิภาพมากขึ้น 

อย่างไรก็ตาม ทุกครั้งที่เทคโนโลยี AI ก้าวหน้าไปอีกขั้น ก็มักจะมีข้อกังวลด้านจริยธรรมตามมาด้วยเสมอ บางครั้งเราอาจไม่สามารถอธิบายได้ว่า ทำไม AI ถึงทำในสิ่งที่มันทำ หรือกำจัดความไม่ถูกต้อง (Inaccuracy) ความเป็นพิษ (Toxicity) หรือข้อมูลที่คลาดเคลื่อน (Misinformation) ออกไปได้ทั้งหมด

 

หากเป็นเพียงแค่ AI แนะนำผลิตภัณฑ์ที่ไม่เหมาะสม อาจถือว่าเป็นเรื่องไม่ร้ายแรงมากนัก แต่หากเป็นกรณีที่ AI ดำเนินการผิดพลาดในประเด็นสำคัญที่มีความเสี่ยงสูง เช่น การเงินส่วนบุคคล หรือข้อมูลทางการแพทย์ ย่อมทำให้เกิดความกังวลอย่างมากแน่นอน 

ผลการศึกษาเรื่องปัญญาประดิษฐ์เชิงสร้างสรรค์ (Generative AI) ในประเทศไทย ซึ่งดำเนินการโดย YouGov ในปีที่ผ่านมา พบว่าพนักงานชาวไทยจำนวนมากต่างเห็นประโยชน์ของ AI 

อย่างไรก็ตาม ผลการศึกษานี้ได้เน้นยํ้าถึงความจำเป็น ที่จะต้องมีนโยบายที่ชัดเจนและการฝึกอบรม เพื่อให้แน่ใจว่าการใช้ AI นั้น เป็นไปอย่างมีจริยธรรมและความรับผิดชอบ โดยผู้ตอบแบบสอบถามชาวไทยถึง 77% แสดงความกังวลต่อการที่บริษัทของตนเองยังไม่มีนโยบายที่กำหนดแนวทางด้านการใช้ AI   

เราได้เห็นแล้วว่า ได้เกิดอะไรขึ้นเมื่อเทคโนโลยีพัฒนาก้าวหน้าไปอย่างรวดเร็วโดยไม่คำนึงถึงผลกระทบ ผู้คนอาจสูญเสียโอกาส หรือ ถูกทิ้งไว้ข้างหลัง

สถานการณ์เดียวกันนี้ สามารถเกิดขึ้นได้กับ AI เช่นกัน ซึ่งเป็นความจริงที่เกี่ยวข้องกับองค์กรไทยทุกแห่ง ไม่ว่าจะอยู่ในระดับสถานะใดของการนำ AI มาใช้ หรือมีความก้าวหน้าทาง AI ในองค์กรเพียงใด 

น่าสังเกตว่า จากรายงาน State of AI Readiness ของ Salesforce เราพบว่า ประเทศไทยสามารถยกระดับความพร้อมด้าน AI ในปี 2023 ขึ้นมาได้อย่างน่าสนใจ เมื่อเทียบกับปี 2021 และเป็นอันดับ 9 จากทั้งหมด 12 ประเทศในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ที่ทำการประเมิน ประเทศไทยยังจำเป็นต้องมุ่งมั่นพัฒนา AI อย่างต่อเนื่อง และบรรลุเป้าหมายที่วางไว้ในแผนยุทธศาสตร์ AI แห่งชาติ

เนื่องจาก AI มีความซับซ้อนเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ จึงเป็นเรื่องสำคัญมากที่เราต้องคิดหาวิธีที่จะนำพลังแห่งนวัตกรรมของ AI มาใช้อย่างระมัดระวัง เพื่อป้องกันความเสี่ยงและอันตรายที่อาจเกิดขึ้น เพื่อบรรลุเป้าหมายนี้ เราจำเป็นต้องให้มนุษย์เป็นผู้นำในการกำกับดูแลการทำงานของ AI  

เราสามารถออกแบบฟีเจอร์ที่ทรงพลัง มีความน่าเชื่อถือ และทำงานครอบคลุมทั้งระบบ เพื่อให้เทคโนโลยีมุ่งเน้นไปยังจุดที่ต้องใช้การตัดสินใจอย่างรอบคอบ และต้องการความสนใจจากเรามากที่สุด 

AI ควรได้รับการออกแบบให้มีมนุษย์เป็นผู้นำ เสริมพลังให้ “คน” สามารถควบคุม AI และให้ความสำคัญต่อการตัดสินใจของมนุษย์เป็นลำดับแรก นั่นหมายถึงการออกแบบระบบ AI ที่สามารถใช้ประโยชน์อันสูงสุดจากการผสมผสานความชาญฉลาดของทั้งมนุษย์และปัญญาประดิษฐ์เข้าด้วยกัน 

การมอบหมายให้ AI ตรวจสอบและสรุปข้อมูลลูกค้าหลายล้านราย จะช่วยปลดล็อคศักยภาพและประสิทธิภาพที่น่าทึ่งให้กับองค์กร และด้วยการให้มนุษย์เข้ามามีส่วนร่วม และใช้วิจารณญาณในสิ่งที่ AI ไม่สามารถทำได้ เราจึงจะสามารถสร้างความไว้วางใจในการใช้เทคโนโลยีได้อย่างแท้จริง

แนวทางสำคัญ 3 ประการ ที่จะช่วยให้มนุษย์ยังคงเป็นผู้นำในการใช้ AI:

1) การสร้างคำสั่ง หรือ พรอมพท์ (Prompt) ที่มีประสิทธิภาพ ช่วยให้เกิดการทำงานอัตโนมัติอย่างแท้จริง:   

พรอมพท์ที่เราส่งไปยังโมเดล generative AI นั้นมีอิทธิพลอย่างมาก และมีศักยภาพในการกำหนดทิศทางของผลลัพธ์ได้หลากหลายล้านรูปแบบ

รวมถึงสามารถคาดเดาผลลัพธ์ที่อาจเกิดขึ้นได้ในเวลาใกล้เคียงกับเวลาจริงนั้น จะช่วยให้องค์กรมั่นใจว่าจะได้รับผลลัพธ์จากการใช้ AI ตรงตามที่ต้องการ นอกจากนี้ ยังเปิดโอกาสให้สามารถปรับแต่งและแก้ไขพรอมพท์ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่มีประโยชน์ แม่นยำ และเกี่ยวข้องกับบริบทมากยิ่งขึ้น

2) เส้นทางการตรวจสอบ (Audit Trails) สามารถช่วยค้นหาสิ่งที่เรามองข้ามไป:  

การมี Audit Trails ที่ละเอียดและครบถ้วน จะช่วยให้ลูกค้าสามารถประเมินประวัติการทำงานของ AI ได้อย่างถูกต้องและระบุได้ว่าจุดใดที่ผู้ช่วย AI ทำงานได้อย่างถูกต้องหรือผิดพลาด

นอกจากนี้ Audit Trails ยังสามารถช่วยระบุปัญหาในชุดข้อมูลขนาดใหญ่ที่มนุษย์อาจมองข้ามไป มันจึงเป็นเครื่องมือสำคัญที่จะเสริมสร้างความสามารถของเราในการใช้วิจารณญาณ เพื่อปรับการทำงานของ AI ให้สอดคล้องกับความต้องการขององค์กร

                      ในยุคของ AI มนุษย์และเทคโนโลยีต้องพัฒนาไปควบคู่กัน

 3) การควบคุมข้อมูล (Data Control) ช่วยให้รักษาความปลอดภัยของข้อมูลได้ดียิ่งขึ้น:  

การออกแบบระบบควบคุมดูแลที่แข็งแกร่ง จะช่วยให้องค์กรสามารถดำเนินการกับข้อมูลได้อย่างปลอดภัย ทำให้องค์กรสามารถนำข้อมูลเชิงลึกที่ขับเคลื่อนด้วย AI มาใช้ประโยชน์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ระบบควบคุมข้อมูลต่าง ๆ เช่น การกำหนดสิทธิ์การใช้งาน การควบคุมการเข้าถึงข้อมูล การจำแนกประเภทข้อมูลด้วย Metadata Field จะช่วยเสริมสร้างความสามารถให้ทั้งมนุษย์และโมเดล AI รักษาความปลอดภัยและจัดการข้อมูลที่มีความละเอียดอ่อนได้ดียิ่งขึ้น

การปฏิวัติเทคโนโลยีด้าน AI ที่กำลังเกิดขึ้นไม่เพียงเกี่ยวข้องกับนวัตกรรมทางเทคโนโลยีเท่านั้น แต่ยังรวมถึงการเสริมสร้างความสามารถของมนุษย์ต่อการควบคุมและใช้งาน AI อย่างมีประสิทธิภาพและน่าเชื่อถือ 

เมื่อ AI และ มนุษย์ ร่วมมือกันพัฒนาและทำงานร่วมกัน เราจะสามารถใช้ประโยชน์จากความสามารถของ AI ในขณะที่มนุษย์สามารถทำในสิ่งที่เราถนัด ซึ่งคือ การสร้างสรรค์ การใช้วิจารณญาณ และเชื่อมโยงกันได้อย่างลึกซึ้งมากขึ้น  

การผสมผสานระหว่าง AI และมนุษย์อย่างเหมาะสม จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพให้แก่องค์กร ทำให้พนักงานได้ทำงานอย่างเต็มศักยภาพ และท้ายที่สุดคือทำให้ AI น่าเชื่อถือและได้รับความไว้วางใจในการทำงานมากยิ่งขึ้น