การให้ความสำคัญกับนโยบายเร่งด่วนและต่อเนื่องในพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) เป็นเรื่องที่รัฐบาลไทยต้องพิจารณา โดยเฉพาะการส่งเสริมการเติบโตทางเศรษฐกิจ และการลดปัญหากับดักรายได้ปานกลางในพื้นที่
การศึกษาของ รองศาสตราจารย์ ดร. Yoonmin Kim จากมหาวิทยาลัย Keimyung ประเทศเกาหลีใต้ ได้เน้นถึงโอกาสในการลงทุนของเกาหลีใต้ใน EEC แม้ว่าจะมีการลงทุนสำคัญเกิดขึ้นแล้ว แต่ยังต้องมีการสำรวจกลยุทธ์ใหม่ ๆ เพื่อเพิ่มศักยภาพของพื้นที่นี้ให้เต็มที่
เกาหลีใต้เป็นหุ้นส่วนสำคัญในการขยายการค้าและการลงทุนใน EEC อย่างไรก็ตาม การวิเคราะห์เชิงลึกเกี่ยวกับโอกาสและอุปสรรคที่ทั้งสองประเทศต้องเผชิญ เพื่อเสริมสร้างความสัมพันธ์ทางการเมืองและเศรษฐกิจ ถือเป็นสิ่งที่สำคัญ
ในปี 2567 การเปลี่ยนแปลงผู้นำทางการเมืองในประเทศไทย อาจส่งผลต่อการลงทุนและนโยบายเศรษฐกิจ โดยเฉพาะกรอบการกำกับดูแลและความเชื่อมั่นของนักลงทุน ซึ่งอาจกระทบต่อการไหลเข้าของการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) แม้ว่าการลงทุนยังมีแนวโน้มเติบโต แต่ความไม่แน่นอนทางการเมืองก็สร้างความกังวล การลงทุนในอนาคตจะขึ้นอยู่กับนโยบายของรัฐบาลใหม่และข้อตกลงกับประเทศอื่น ๆ รวมถึงเกาหลีใต้
การรักษาเสถียรภาพทางการเมืองและสนับสนุนการลงทุน จึงเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อให้โครงการสำคัญอย่าง EEC ซึ่งมุ่งยกระดับประเทศไทยสู่ประเทศที่มีรายได้สูงสามารถเติบโตต่อไปได้
เกาหลีใต้เป็นผู้เล่นสำคัญในโครงการนี้ โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมยานยนต์ อิเล็กทรอนิกส์ และเทคโนโลยีชีวภาพ แม้ว่าจะมีความท้าทายระดับโลก แต่ความร่วมมือระหว่างไทยและเกาหลีใต้ ในด้านการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน แรงจูงใจจากรัฐบาล และการถ่ายทอดเทคโนโลยี เป็นปัจจัยสำคัญในการส่งเสริมการเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างยั่งยืน
ข้อเสนอแนะสำคัญ คือ การเสริมสร้างความร่วมมือระหว่างประเทศไทยและเกาหลีใต้ โดยทั้งสองประเทศควรเน้นความร่วมมือในอุตสาหกรรมสำคัญ เช่น อิเล็กทรอนิกส์ขั้นสูง ยานพาหนะไฟฟ้า และเทคโนโลยีดิจิทัล ผ่านการทำข้อตกลง เช่น บันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) เกี่ยวกับทรัพย์สินทางปัญญา และทางด่วนการพิจารณาสิทธิบัตร (PPH MOU)
การนำเทคโนโลยีขั้นสูงของเกาหลีใต้ มาใช้จะช่วยให้ประเทศไทยพัฒนาไปสู่โมเดล "ประเทศไทย 4.0" โดยมุ่งเน้นการวิจัยและพัฒนา (R&D) อุตสาหกรรมอัจฉริยะ และระบบอัตโนมัติ เพื่อการเติบโตทางเศรษฐกิจระยะยาว
นอกจากนี้ ประเทศไทยควรเพิ่มแรงจูงใจในการลงทุน เช่น การยกเว้นภาษี และการสนับสนุนการลงทุนในพื้นที่ที่ยังไม่พัฒนามากนัก รวมถึงการปรับปรุงกฎระเบียบให้เข้าใจง่ายขึ้น เพื่อดึงดูดนักลงทุนจากเกาหลีใต้
นอกจากนี้ เกาหลีใต้ควรขยายบทบาทในการเข้าร่วมโครงการโครงสร้างพื้นฐานของประเทศไทย เช่น การบริหารจัดการน้ำ การขนส่ง และ โครงการเมืองอัจฉริยะ โดยใช้ความเชี่ยวชาญทางเทคโนโลยีของเกาหลีใต้ ในการส่งเสริมความร่วมมือทางเศรษฐกิจอย่างลึกซึ้ง
เมื่อมองถึงโอกาสความร่วมมือระหว่างเกาหลีใต้และไทย ผ่านนโยบายการลงทุน มีโอกาสมากมายที่ทั้งสองประเทศ จะร่วมกันสร้างประโยชน์เชิงกลยุทธ์ โดยเฉพาะผ่านนโยบาย "New Southern Policy" ของเกาหลีใต้ ที่เน้นการสร้างความร่วมมือด้านเศรษฐกิจ การทูต และวัฒนธรรมกับประเทศในกลุ่มอาเซียน รวมถึงไทย
ความร่วมมือนี้มีศักยภาพที่จะช่วยให้ทั้งสองประเทศ ได้รับประโยชน์ร่วมกัน โดยเฉพาะในด้านการถ่ายทอดเทคโนโลยี และการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน เกาหลีใต้มีบทบาทสำคัญในการปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งที่สี่ ซึ่งเน้นการเติบโตอย่างนวัตกรรม และการนำเทคโนโลยีอัจฉริยะมาผสมผสานกับอุตสาหกรรมหลัก ทำให้เกาหลีใต้เป็นพันธมิตรที่ดีในการช่วยให้ไทยบรรลุเป้าหมาย "ประเทศไทย 4.0"
ความร่วมมือนี้ ยังอาจครอบคลุมถึงการแลกเปลี่ยนเทคโนโลยี การเพิ่มการลงทุนในภาคส่วนเทคโนโลยีขั้นสูง และโครงการที่ส่งเสริมนวัตกรรมและแบ่งปันความรู้ ซึ่งจะช่วยให้ไทยก้าวหน้าในอุตสาหกรรม เช่น อิเล็กทรอนิกส์อัจฉริยะ ระบบอัตโนมัติ และ หุ่นยนต์
พร้อมกับส่งเสริมการเติบโตทางเศรษฐกิจและพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน การเสริมสร้างความสัมพันธ์นี้ จะช่วยให้ทั้งสองประเทศสามารถก้าวผ่านและประสบความสำเร็จในเศรษฐกิจโลกที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว