วัฒนธรรมอุแว้ แชร์ วัฒนธรรมหลอดแก้ว ฉากที่ 14

22 พ.ย. 2567 | 23:00 น.

วัฒนธรรมอุแว้ แชร์ วัฒนธรรมหลอดแก้ว ฉากที่ 14 : คอลัมน์เปิดมุกปลุกหมอง โดย…ดร.สุรวงศ์ วัฒนกูล หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับ 4047

“หัวใจของวัฒนธรรม” คือ “สิ่งดึงดูดที่จะต้องเก็บออมให้วัฒนธรรมนั้นคงอยู่ได้ยาวนาน” เรียกว่า “เอาเข้า” และ “สิ่งที่ผลักดันให้สมาชิกแนวร่วมวัฒนธรรมนั้นก้าวไปข้างหน้า” เรียกว่า “เอาออก” จะเห็นได้ว่า บ่อเกิด กับ ทิศทาง ของ หัวใจวัฒนธรรม ไม่ว่าคิดจะ “เอาเข้า” หรือ “เอาออก” ผลลัพธ์ต้องเป็นบวกเท่านั้น 

ผู้ดูแลความเป็นไปของวัฒนธรรมประจำประเทศ และ วัฒนธรรมองค์กร เขาเลือกลักษณะเนื้อหาของกิจกรรมที่ชัดเจนอยู่แล้วว่า ภาพลักษณ์ สุขใจใสสะอาด ผมเชื่อว่าเขาจะไม่เอากิจกรรมโหลยโถ้ยมายัดไส้โชว์ให้เกิดราคี อย่าเผลอคิดว่าโลกนี้จะไม่มีการลักไก่ให้สังคมหนุนหลัง 

อย่างเช่น 

ประเทศที่บ้าอำนาจเขายังสามารถยัดเยียดกิจกรรมการล้วงลูก เพื่อปาดหน้าเค้กเข้าสู่สายงานวัฒนธรรม แอบอ้างหน้าตาเฉยว่า กิจกรรมการช่วงชิงอำนาจในแดนดินถิ่นตะวันตก ด้วยการใช้ผู้มีอิทธิพลมาร่วมวงลงแขกเป็นวัฒนธรรมประจำชาติ ถ้าใครดูแคลนจะโดนอุ้มให้ไปนอนพักผ่อน ปรากฏว่า มีนักโพสต์แซวหน่วยงานของรัฐด้วยการเล่นมุกล้อเลียนว่า

นาย A ซักถาม นาย B ว่า “ทำไม หน่วยงาน ตาพิเรนท์เห็นนะ เขาจึงต้องทำงานร่วมกันเป็นกลุ่ม กลุ่มละสามคน ตะพืดตะพือ นาย B ตอบแบบล้อเลียนว่า เขาจัด คนแรก ที่สามารถอ่านหนังสือทุกภาษาได้ เขาจัด คนที่สอง ที่ชำนานในการเขียนหนังสือได้ และ เขาจัด คนที่สาม ที่เฉียบแหลมเพื่อเตรียมตัวไว้ให้คอยจับตาดูปัญญาชนทั้งสองคนว่าใคร ง่าวจั๊ด กว่าใคร (ฮา)  

ผมไม่แน่ใจว่า “คนรุ่นเก่า?” เป็น ผู้ดำริ มันน่าจะเป็น “ทัศนคดี” ของ “คนรุ่นเขลา!”  มันส่อไปในแนว “อวัฒนกรรม!” เข้าข่าย หลักเกณฑ์เข้มแข็ง ที่ เรียกว่า “การแอบอ้างทางวัฒนธรรม” มากกว่า

อีกประเทศหนึ่งก็ใช่ย่อย ชาวบ้าน “เผ่าไซโล!” : นามสมมุติ  (ฮา) เป็น ชนเผ่านักรบ เขาเลี้ยงวัวด้วยพฤติกรรมโหดร้ายดุดัน พูดจากับเด็กสาวราวกับเป็นทาส โดยเฉพาะอย่างยิ่ง สาวใดแต่งงานก็โดนลอยแพ คือ ขับไสไล่ส่งให้ออกจากหมู่บ้านที่เธอเคยพักพิง ตะเพิดให้ไปอยู่หมู่บ้านอื่น เพื่อให้แน่ใจว่าเธอจะไม่เปลี่ยนใจหวนกลับ ชาวบ้านจึงรุมกัน “ขว้างหินใส่เจ้าสาว!” แล้วตะโกนว่า “ไปให้พ้น...! ไปให้พ้น…!” จะมีใครกล้าออกมารับหน้าแก้ต่างไหมว่า “กิจกรรมป่าเถื่อน คือ วัฒนธรรม?”

ผมแซงหน้าขัดคอไว้เลย หลายท่านกำลังอมยิ้ม พร้อมที่จะถามว่า “กรณีภรรยาเอากรรไกรตัดจรวดของสามี แล้วเอาไปโยนให้เป็ดงับ หนังสือพิมพ์ตีข่าวดังทั่วโลก เราจะถือว่าเป็นวัฒนธรรมด้วยหรือเปล่า!” (ฮา)

กาลครั้งหนึ่งใน ศรีลังกา นายกามาราลา กับ นางกามาฮามีน อาศัยอยู่ใน กามาเกดารา บ้านมุงจากที่มีหลังคาฟางข้าว บอกได้เลยว่าเขาไม่ใช่ขี้ไก่ ใครคิดว่าเขาก็แค่ ขี้ไก่ สักวันก็จะรู้เองว่าเป็น “ขี้ไก้ยักษ์!” (ฮา) เขา คือ หัวหน้าหมู่บ้าน Gama หมายถึง หมู่บ้าน Raala หมายถึง เจ้าหน้าที่ หรือ หัวหน้าหมู่บ้าน!

เขาทำงานสุจริตด้วยการทำไร่เพาะปลูก ข้าว ข้าวโพด ถั่วลันเตา มะเขือยาว มะเขือเทศ แตงโม และ ผลหมากรากไม้ที่เป็นของโปรด คือ ฟักทอง เขา “ฝันเห็นแยมฟักทองบ่อยครั้ง!” (ฮา)  

เขาเดินผ่านไปผ่านมาโผล่หน้าลงไป จ๊ะ…เอ๋ กับ ฟักทอง ด้วยอารมณ์ที่แจ่มใส อยู่มาวันหนึ่งเขาเจอ “ปัญหาหน้าหลัว” เขาโผล่หน้าลงไปตั้งใจว่าจะ จ๊ะ…เอ๋ กับ ฟักทอง แต่ทว่า “ฟักทองหายตัวไปซะแล้ว!”

เขาโกรธจัดกัดฟันกรอด รีบมาบอกกับ กามาฮามีน ว่า “ฉันจะจับโจรที่ขโมยฟักทองแอชของฉันไป” เขาคิดวิธีจับโจรด้วยเดินตระเวณทั่วหมู่บ้านว่า “มีใครบางคนขโมยฟักทองของฉันไป?” ในฐานะที่เขาเป็น หัวหน้าหมู่บ้าน จึง “ขอความร่วมมือ” ให้ทุกคนในหมู่บ้านมาพบกันที่บ้านของเขา ข่าวนี้จึงแพร่สะพัดไปทั่ว

ชาวบ้านทุกคนจึงรวมตัวกันตรงบริเวณสนามหญ้าหน้าบ้าน ของ หัวหน้าหมู่บ้าน

                               วัฒนธรรมอุแว้ แชร์ วัฒนธรรมหลอดแก้ว ฉากที่ 14

คนที่ขโมยฟักทองเริ่มกังวลว่า “ในเมื่อใครต่อใครเขาก็ไปที่นั่นกันหมด ถ้าเราไม่ไป มันก็สงสัยว่าเรานี่แหละเป็นคนขโมย” ดังนั้น “โจรดูดฟักทอง” ตัวการนำร่องในการดูดเงิน (ฮา) ไปผสมโรงกับชาวบ้านด้วย 

กามาราลา ถือกระดิ่งในมือ เขาทบทวนข่าวอีกครั้งว่า “มีคนขโมยฟักทองของฉัน มันหนักจนต้องยกขึ้นมาวางไว้บนไหล่” ว่าแล้ว ท่านหัวหน้าหมู่บ้าน ก็เริ่ม เต้นรำ Thovil โทวิล หมายถึง "การเต้นรำของปีศาจ!" เป็น พิธีกรรมรักษา หรือ กำจัด ของ ศรีลังกา 

เขาเต้นไปสวดไปว่า Puhul Hora Karen Dene, Puhul Hora Karen Dene แปลว่า หัวไหล่บ่งชี้ฟักทองของขโมย โจรตกใจกลัวจึงเลิ่กลั่กเร่งรีบถูไหล่ หัวหน้าหมู่บ้าน เห็นชายคนนั้นถูไหล่ก็หยุดเต้น กระโดดลงมาจับโจรไว้ โจรก็คุกเข่าคำนับขออภัย 

ในความเป็นจริง นายกามาราลา กับ โจร ใช่ว่าจะไม่ฉลาด เพียงแต่ โจรฉลาดไปในทางลบ สติจึงว้าวุ่นด้วยความระแวงจึงหาทางออกไม่เก่ง เราก็รู้กันอยู่ โจรปล้นทอง โจรปล้นธนาคาร จะช้าจะเร็วอย่างไรมันต้องไปนอนสะดุ้งในคุก ต่างกับ นายกามาราลา มีจิตสุจริต จึง คิดไวอย่างหลักแหลม ไม่งั้นจะเป็น ท่านหัวหน้าหมู่บ้านได้ไง

กลิ่น วัฒนธรรม กับ กลิ่น วัด-ธะ-นะ-ทำ ใครชอบกลิ่นไหนเดี๋ยวก็รู้เองว่าใครสิ้น กลิ่นวัฒนธรรม!
 ปล.

ไม่ต้องมาขัดแย้งออกนอกลูนอกทางว่า “กลิ่นชู้ ชื่นใจยิ่งกว่า กลิ่นเฉา!” (ฮา)