รัฐบาลจีนกับนโยบายส่งเสริมการศึกษาของชนกลุ่มน้อยอุยกูร์

07 เม.ย. 2567 | 08:56 น.
อัปเดตล่าสุด :07 เม.ย. 2567 | 09:07 น.

รัฐบาลจีนกับนโยบายส่งเสริมการศึกษาของชนกลุ่มน้อยอุยกูร์ : คอลัมน์ลวดลายมังกร โดย... พลโท ดร.ไชยสิทธิ์ ตันตยกุล ผู้เชี่ยวชาญด้านยุทธศาสตร์และการป้องกันประเทศ หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ฉบับ 3980

พลโท ดร.ไชยสิทธิ์ ตันตยกุล ผู้เชี่ยวชาญด้านยุทธศาสตร์และการป้องกันประเทศ ได้ประมวลและนำเสนอข้อมูลเกี่ยวกับแนวทางที่รัฐบาลจีน มีนโยบายส่งเสริมการศึกษาของชนกลุ่มน้อย โดยเฉพาะชนกลุ่มน้อยอุยกูร์ 

1.นโยบายทั่วไป จากการประชุมเชิงปฏิบัติการของคณะกรรมการพรรคคอมมิวนิสต์จีนของเขตปกครองตนเองซินเจียงอุยกูร์ ชุดที่ 9 ครั้งที่ 11 เมื่อวันที่ 19 ธ.ค. 63 เกี่ยวกับการส่งเสริมการพัฒนาการศึกษาของซินเจียงที่มีคุณภาพสูง โดยปรับใช้ "แผนห้าปี ฉบับที่ 14" (ปี 2021-2025 หรือ พ.ศ.2564-2568) เพื่อพัฒนาการศึกษาในภูมิภาค และการปฏิรูปการประเมินผลการศึกษา

 

ที่ประชุมชี้ให้เห็นว่า ต้องยึดถือนโยบายการศึกษาของพรรคฯ และการตัดสินใจของคณะกรรมการกลางของพรรคฯ อันจะทำให้บรรลุเป้าหมายโดยรวมของเสถียรภาพทางสังคม และเสถียรภาพในระยะยาวในซินเจียง กล่าวคือ

1.1 ระบบการศึกษาของทั้งเขตปกครองตนเอง ต้องเข้าใจแนวความคิดและผู้นำหลักอย่างมั่นคงโดยใช้ “แนวคิดสังคมนิยมที่มีอัตลักษณ์จีนในยุคใหม่ของสี จิ้นผิง” ในการหล่อหลอมจิตวิญญาณ และให้ความรู้แก่ผู้คนตลอดจนให้ความรู้และชี้แนะแนวทางของนักเรียนและครู โดยนักเรียนจะต้องเสริมสร้าง "จิตสำนึก 4 ประการ" อย่างต่อเนื่องและตั้งมั่น "ความมั่นใจ 4 ประการ" และ "การบำรุงรักษา 2 ประการ"  

1.2 จำเป็นต้องเข้าใจภารกิจพื้นฐานในการปลูกฝังคุณธรรมเสริมสร้างการศึกษาความรักชาติ และการศึกษา ค่านิยมหลักสังคมนิยมสร้างความรู้สึกของชุมชนของประเทศจีน พัฒนาหลักสูตรทางอุดมการณ์และการเมืองให้ลึกซึ้งยิ่งขึ้นยึดมั่นใน "ห้าการศึกษา”  ไปพร้อม ๆ กันและปรับปรุงกลไกการศึกษาของโรงเรียนครอบครัวและสังคม 

1.3 จำเป็นต้องส่งเสริมการศึกษาภาษากลางแห่งชาติต่อไป โดยปฏิรูประบบการสอบ และการลงทะเบียนให้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น รวมทั้งเสริมสร้างทีมครู ประสานงานส่งเสริมการศึกษาก่อนวัยเรียน การศึกษาภาคบังคับ มัธยมศึกษาตอนปลาย อาชีวศึกษาและอุดมศึกษา การศึกษาและดำเนินการต่อเพื่อให้ลึกยิ่งขึ้นในการปฏิรูปของ "การมอบหมาย การควบคุมและการบริการ"

ในด้านการศึกษา การปฏิรูปและนวัตกรรมแก้ปัญหาที่ร้อนแรง และยากของการพัฒนาการศึกษา โดยต้องเข้าใจทิศทางของการสร้างสังคมแห่งการเรียนรู้อย่างแน่วแน่ และสร้างระบบการศึกษาที่รองรับการเรียนรู้ตลอดชีวิตสำหรับทุกคน

2.นโยบายเฉพาะเกี่ยวกับภาษาที่ใช้ในการเรียนการสอนและเนื้อหาวิชา

2.1 การจัดการเรียนการสอนในชั้นเรียน รัฐบาลจีนยืนยันที่จะใช้ภาษาของชนเผ่านั้น ๆ ในการดำเนินการการเรียนการสอนได้

นอกจากนี้ ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา รัฐบาลจีนได้จัดสรรงบประมาณเป็นกรณีพิเศษในการแต่งตำราภาษาอุยกูร์ คาซัค มองโก คีร์กิซ เป็นต้น สามารถตอบสนองชนกลุ่มน้อยในการใช้หนังสือตำราที่เป็นภาษาของชนกลุ่มนั้น ๆ

ส่วนการสอบเข้ามหาวิทยาลัยที่จัดขึ้นปีละครั้งนั้น ข้อสอบจะใช้ภาษาอุยกูร์ ภาษาฮั่น ภาษาคาซัค ภาษามองโก หรือภาษาประจำท้องถิ่นของชนกลุ่มน้อยด้วยเช่นกัน 

2.2 ตั้งแต่ปี ค.ศ. 2004 (พ.ศ.2547) รัฐบาลจีนมีนโยบายส่งเสริมการเรียนการสอนภาษาจีนในชนกลุ่มน้อยด้วย เพื่อบรรลุเป้าหมายและทำให้นักเรียนชนกลุ่มน้อยที่จบการศึกษามัธยมตอนปลายแล้วสามารถใช้ภาษาจีนและภาษาชนกลุ่มน้อยของตนได้ และในปี ค.ศ.2008 (พ.ศ.2551) ภายใต้ข้อเสนอของผู้นำอุยกูร์ เขตปกครองตนเองซินเจียงได้ดำเนินการอบรมครูให้สามารถใช้ได้ 2 ภาษาและดำเนินการการเรียนการสอน 2 ภาษา

2.3 สถาบันอิสลามศึกษาของซินเจียง ได้แบ่งเนื้อหาวิชา โดยร้อยละ 3. เป็นวิชาทั่วไป เช่น เศรษฐศาสตร์ และสังคมศาสตร์ เป็นต้น และร้อยละ 70 เป็นเนื้อหาเกี่ยวกับศาสนาอิสลาม ที่กำหนด ซึ่งไม่ได้อ้างอิงจากประเทศใดประเทศหนึ่ง

3. การให้สิทธิประโยชน์พิเศษ โดยนับตั้งแต่ทศวรรษที่ 1950 (พ.ศ.2493) รัฐบาลจีนได้ให้สิทธิประโยชน์พิเศษสำหรับชนกลุ่มน้อยในการสอบเข้ามหาวิทยาลัย เพื่อเพิ่มสัดส่วนอัตราการเข้าศึกษาในสถาบันอุดมศึกษา รวมทั้งนโยบาย หรือโครงการที่เป็นประโยชน์ต่อการส่งเสริมการศึกษาของผู้คนในซินเจียง อาทิ โครงการบ่มเพาะบุคลากรด้านวิทยาศาสตร์ โดยการส่งนักเรียนชนกลุ่มน้อยไปศึกษาต่อยังต่างประเทศ เป็นต้น

อาจกล่าวได้ว่า ในกรณีของเขตปกครองตนเองซินเจียงอุยกูร์ ได้พิสูจน์แล้วว่า การเรียนการสอน 2 ภาษานั้น สามารถเพิ่มพูนความเข้าใจระหว่างชนกลุ่มน้อย และชนเผ่า ถือเป็นหนึ่งมาตรการในการพัฒนาความสัมพันธ์ระหว่างชนชาติ จนสามารถอยู่ร่วมกันได้อย่างกลมกลืน 

รวมทั้งยังส่งเสริมความเจริญก้าวหน้าของชนเผ่า เพื่อให้นักเรียนในพื้นที่ชายแดนและพื้นที่ทุรกันดาร มีโอกาสได้รับการศึกษาขั้นพื้นฐาน และตั้งแต่ปี ค.ศ.2000 (พ.ศ.2543) เป็นต้นมา รัฐบาลจีนได้ดำเนินการโครงการจัดตั้งโรงเรียน 13 แห่งในกรุงปักกิ่ง มหานครเซี่ยงไฮ้ และมณฑลอื่น ๆ ที่มีความเจริญก้าวหน้าด้านเศรษฐกิจ เพื่อเป็นโรงเรียนสอนในระดับมัธยมปลายสำหรับชนกลุ่มน้อยอุยกูร์ด้วยเช่นกัน

                         รัฐบาลจีนกับนโยบายส่งเสริมการศึกษาของชนกลุ่มน้อยอุยกูร์

นอกจากนโยบายการส่งเสริมด้านการศึกษาดังกล่าวแล้ว นโยบายหลักที่สำคัญอีกประการหนึ่งคือ นโยบายด้านแรงงานและการจ้างงานในเขตปกครองตนเองซินเจียงอุยกูร์ ซึ่งยืนยันได้ว่า การส่งเสริมแรงงานและการจ้างงานเป็นสิ่งสำคัญสูงสุด ในฐานะโครงการเพื่อการดำรงชีวิตที่ใหญ่ที่สุดผ่านหลายช่องทาง ได้สร้างเสถียรภาพในการจ้างงาน และปกป้องสิทธิของกลุ่มชาติพันธุ์ทั้งหมดในด้านแรงงาน และการจ้างงานอย่างมีประสิทธิผล กล่าวคือ

1.การเคารพความตั้งใจในการจ้างงานอย่างเต็มที่ การระดมความคิดริเริ่มของคนงานอย่างกระตือรือร้น ช่วยให้เกิดความตระหนักถึงศักยภาพในการจ้างงาน การพัฒนาทักษะอาชีพ และพึ่งพาความพยายามของตนเองเพื่อให้บรรลุการจ้างงานที่มั่นคง

2.การให้บริการข้อมูลสำหรับแรงงานในการจ้างงานโดยสมัครใจ และการเลือกจ้างงานโดยเสรี ผ่านตลาดทรัพยากรบุคคล หน่วยงานบริการจัดหางานสาธารณะ วิทยุและโทรทัศน์ รวมทั้งกระดานข่าวหมู่บ้านและชุมชน โดยมีการเผยแพร่ข้อมูลการจัดหางานต่อสาธารณะในเวลาที่เหมาะสม สำหรับนายจ้างทั้งในและนอกเขตปกครองตนเองซินเจียงอุยกูร์

ในปัจจุบันผู้คนจากทุกกลุ่มชาติพันธุ์ ที่มีแนวคิดในการจ้างงานสามารถหางานที่เหมาะสมได้หลายวิธี และปัญหาในสถานประกอบการบางแห่งก็ได้รับการแก้ไขอย่างมีประสิทธิผลเช่นกัน โดยตั้งแต่ปี 2014 (พ.ศ.2557) มีการจัดงานหางานทั้งหมด 621 ครั้งทั่วทั้งภูมิภาค ซึ่งได้ดึงดูดบริษัทต่างๆ มาเข้าร่วมจำนวน 4,953 บริษัท โดยจัดหางานมากกว่า 145,000 ตำแหน่ง และมีงาน 38,600 ตำแหน่ง

3. การที่รัฐบาลให้บทบาทสำคัญอย่างเต็มที่ ในการส่งเสริมการจ้างงาน รวมทั้งการปรับปรุงนโยบายส่งเสริมการจ้างงานต่างๆ ในเวลาที่เหมาะสม การปรับปรุงระบบอุตสาหกรรมที่หลากหลาย โดยมุ่งเน้นการขยายพื้นที่การจ้างงานและขยายขนาดการจ้างงาน ตลอดจนการมุ่งเน้นไปที่การฝึกอบรมทักษะสำหรับแรงงานในชนบทส่วนเกิน คนว่างงาน และคนพิการ และกลุ่มอื่น ๆ ที่มีปัญหาในการจ้างงาน 

นอกจากนี้ ได้ปรับปรุงความสามารถในการจ้างงานที่อิสระได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้สถานการณ์การจ้างงานในเขตปกครองตนเองซินเจียงอุยกูร์ ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง

รวมทั้งระดับรายได้ของผู้คนจากทุกกลุ่มชาติพันธุ์เพิ่มขึ้นและคุณภาพชีวิตก็สูงขึ้น โดยตั้งแต่ปี 2014 - 2019 (พ.ศ.2557-2562) จำนวนแรงงานทั้งหมดในซินเจียงเพิ่มขึ้นจาก 11,352,400 คน เป็น 13,301,200 เพิ่มขึ้น 17.2% 

ทั้งนี้ การจ้างงานในเมืองเพิ่มขึ้นเฉลี่ยต่อปีอยู่ที่ 471,200 คน และการถ่ายโอนแรงงานในชนบทโดยเฉลี่ยต่อปีมากกว่า 2.763 ล้านคน  
 

(ข้อมูลจากเว็บไซต์ https://www.dw.com/zh/ รวมถึงบทความวิจัยเรื่องศึกษานโยบายการพัฒนาเศรษฐกิจสังคมของเขตปกครองตนเองชนกลุ่มน้อยของจีน: กรณีศึกษา เขตปกครองตนเองชนกลุ่มน้อยซินเจียงอุยกูร์ โดย ดร.หลี่ เหรินเหลียง อาจารย์ประจำคณะพัฒนาสังคมและสิ่งแวดล้อม สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ ในวารสารพัฒนาสังคม ปีที่ 19 ฉบับที่ 2 พ.ศ.2560 หน้า 133-157)