แม้ตลาดทีวีโฮมช็อปปิ้งในปี 2562 จะเติบโตเพียง 7% ส่งผลให้มีมูลค่ากว่า 1.4 หมื่นล้านบาท ต่ำสุดในรอบกว่า 10 ปี แต่ในปีนี้ดูเหมือนตลาดทีวีโฮมช็อปปิ้งจะฟื้นตัวและกลับมาเติบโตได้มากกว่า 10% สวนทางธุรกิจอื่นๆ ที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤติโควิด-19 ด้วยอานิสงส์จากมาตรการต่างๆ ที่ทำให้พฤติกรรมผู้บริโภคหันมาช็อปปิ้งผ่านทีวีและออนไลน์มากขึ้น วันนี้จึงเห็นผู้ประกอบการเลือกที่จะต่อยอดจาก “ทีวีโฮมช็อปปิ้ง” สู่แพลตฟอร์มออนไลน์ เพื่อรุกอี-คอมเมิร์ซเต็มตัว
ล่าสุดเป็นคิวของ “อสมท” ที่เปิดตัว “ShopMania E-Commerce” จาก ShopmaniaTV มาเป็นแหล่งรวมสินค้าทั้งสินค้าอุปโภคบริโภค สินค้าเพื่อสุขภาพและความงาม โดยชูจุดขายผลิตภัณฑ์ SMEs ของคนไทยที่ได้มาตรฐาน และสินค้ายอดนิยมในท้องถิ่นต่างๆ ขณะที่อี-มาร์เก็ตเพลส รายอื่นๆ มุ่งเน้นการขายสินค้าจีนที่ไม่ได้มาตรฐาน แต่มีราคาถูกเป็นหลัก โดยร่วมมือกับ วายดีเอ็ม (ไทยแลนด์) ยักษ์ใหญ่ด้านดิจิทัล มาร์เก็ตติ้ง โซลูชั่น
นายธนพล ทรัพย์สมบูรณ์ ซีอีโอ วายดีเอ็ม (ไทยแลนด์) เปิดเผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า วันนี้ปฏิเสธไม่ได้ว่าธุรกิจอี-คอมเมิร์ชเป็นธุรกิจที่มาแรงแบบก้าวกระโดดตั้งแต่ปีที่ผ่านมา และคาดว่าจะขยายตัวต่อเนื่องไปอีกหลายปีนับจากนี้ โดยคาดว่าในปีนี้ธุรกิจอี-คอมเมิร์ซจะมีมูลค่าราว 2.2 แสนล้านบาทหรือเติบโตเพิ่มขึ้นกว่า 35% ซึ่งเป็นผลมาจากการเข้ามาและทำตลาดอย่างหนักของแพลตฟอร์มอี-คอมเมิร์ซข้ามชาติในเมืองไทย ผนวกกับการแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่ทำให้ผู้บริโภคหันมาช็อปปิ้งผ่านช่องทางออนไลน์กันมากขึ้น
การจับมือกับอสมท รุกอี-มาร์เก็ตเพลสภายใต้ชื่อ “ช็อป มาเนีย” (Shop Mania) นี้ เพื่อเดินหน้าสู่แนวคิด “The New Digital Journey” ตามวิสัยทัศน์ของ อสมท ที่มุ่งขับเคลื่อนองค์กรด้วยดิจิทัลเต็มรูปแบบ โดย Shop Mania จะเป็นแหล่งรวมสินค้าคุณภาพที่คัดสรรแล้ว ตอบโจทย์คนไทยทั้งสินค้าอุปโภค-บริโภค สินค้าเพื่อสุขภาพ-ความงาม สินค้าเกษตร รวมถึงสินค้ายอดนิยมในท้องถิ่นต่างๆ ที่ผ่านการคัดสรรคุณภาพ จำหน่ายในราคาส่งตรงจากผู้ผลิต โดยผู้ขายที่วางขายสินค้าผ่าน Shop Mania จะได้รับการโปรโมทผ่านเครือข่ายของ อสมท. ที่มีกลุ่มฐานแฟนคลับเหนียวแน่น ทั้งสื่อวิทยุและโทรทัศน์ที่ครอบคลุมอยู่ทั่วประเทศ
“การเป็นพันธมิตรกับอสมท ที่มีความพร้อมและมีเน็ตเวิร์คในมือครบครันทั้ง โทรทัศน์ วิทยุ เว็บไซต์ฯลฯ รวมทั้ง เอนดอสเซอร์ดังๆ เช่น ดีเจ คนข่าว พิธีกรดังของ อสมท. เชื่อว่าจะช่วยโปรโมทสินค้าบน Shop Mania ได้อย่างเต็มที่”
โดยสินค้าที่นำมาจำหน่ายจะเน้นความหลากหลาย อาทิ สินค้าสุขภาพและความงาม, แฟชั่น, บ้านและไลฟ์สไตล์, ยานยนต์และอุปกรณ์, สัตว์เลี้ยง, เครื่องใช้ไฟฟ้า ฯลฯ ทั้งนี้วายดีเอ็มฯ จะใช้ Data Technology มาช่วยจัดเก็บและสร้างฐานลูกค้าให้กับเจ้าของสินค้า เพื่อช่วยให้ SMEs ไทย ขายสินค้าให้ดียิ่งขึ้นในอนาคต ยิ่งกว่านั้นและยังมีบริษัทในเครือที่มีเครือข่ายตลาดต่างประเทศ จะเข้ามาช่วยต่อยอดสินค้าที่ต้องการส่งออกไปทำตลาดต่างประเทศ โดยเฉพาะใน จีน สิงคโปร์ มาเลเซีย เกาหลีใต้ ฯลฯ ซึ่งตั้งเป้าสร้างยอดขายปีนี้ให้ได้ 50 ล้านบาท
นางสาวมาลิน พลธีระเสถียร ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ สำนักธุรกิจดิจิทัล บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า การร่วมมือกับวายดีเอ็ม (ไทยแลนด์) ในครั้งนี้จะช่วยให้ช็อป มาเนีย ขายสินค้าได้มากขึ้น และอสมท ก็ยังช่วยทำการตลาด โดยช่วยโปรโมตผ่านเครือข่ายสื่อทั่วประเทศอีกทางหนึ่งด้วย อีกทั้งระบบหลังบ้านยังใช้งานง่ายมากสำหรับผู้ขาย และอสมท มีเจ้าหน้าที่คอยช่วยเหลือผู้ขายทุกขั้นตอนก่อนและหลังการขาย รวมถึงมีระบบการชำระเงินที่ปลอดภัย สรุปมีเพียงสินค้าก็เข้าร่วมขายสินค้าผ่านช็อปมาเนียได้
ขณะที่นายสุรชัย เชษฐโชติศักดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร อาร์เอส กรุ๊ป ก็ประกาศแผนรุกอี-คอมเมิร์ซเช่นกัน โดย “เฮียฮ้อ” บอกว่า การนำสินค้าในเครือไปทำตลาดผ่านแพลตฟอร์ม RS Mall ประกอบด้วย 2 ส่วนธุรกิจหลัก ได้แก่ 1.OnAir (ช่องทางทีวี) ซึ่งถือเป็นการทำธุรกิจคอมเมิร์ซ ผ่านช่อง 8 และพาร์เนอร์ทีวีช่องต่างๆ อาทิ อมรินทร์ทีวี ฯลฯ ซึ่งปัจจุบันมีฐานลูกค้ากว่า 1.4 ล้านราย และในไตรมาส 2 มียอดขาย 586.2 ล้านบาทและ 2. Online (ช่องทางออนไลน์) ด้วยการทำตลาดผ่านช่องทาง Line และเว็ปไซต์ ซึ่งคาดการณ์ว่าจะเติบโต 80% ในปีนี้
“ในแพลตฟอร์มของ RS Mall ประกอบด้วย สินค้าที่มาจากกลุ่มธุรกิจ ไลฟ์สตาร์ ซึ่งถือเป็นบริษัทผลิตสินค้าไลฟ์สไตล์ของอาร์เอส 65% และสินค้าที่มีจากพันธมิตร 35% โดยมี 3 ผลิตภัณฑ์ขายดี ได้แก่ S.O.M. Cordy Tibet & Bhutan, S.O.M. I-Kare และ S.O.M. CMAX โดยมีแผนเปิดตัวสินค้าใหม่ๆในหลากหลาย”
อย่างไรก็ตามบริษัทวางเป้าหมายรายได้ในสิ้นปีนี้ไว้ที่ 4,250 ล้านบาท โดยสัดส่วนรายได้ประมาณ 60-65% มาจาก Commerce และที่จากธุรกิจ Media และ Entertain 30-35% โดยวางเป้าหมายระยะยาวในช่วง 3 ปีนับจากนี้ด้วยการปิดรายได้ที่ 1 หมื่นล้านบาท แบ่งเป็นสัดส่วนรายได้ที่มาจาก Commerce 80% และธุรกิจ Media และ Entertain 20%
ขณะที่นางสาวอภิรวี พิชญเดชะ กรรมการผู้จัดการ แฮปปี้ กรุ๊ป ผู้บริหาร “Happy Shopping” ก็ประกาศรุกตลาด โดยเปิดเว็บไซต์ https://www.happyshopping2you.com/ ให้ผู้ประกอบการเอสเอ็มอี และโอท็อป นำสินค้ามาจำหน่ายผ่านเว็บไซต์ได้ฟรี เพื่อสร้างรายได้หลังได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ขณะเดียวกันบริษัทก็มีแผนนำสินค้าเฮ้าส์แบรนด์ อาทิ แฮปปี้ ไลฟ์ พลัส มาจำหน่ายผ่านเว็บไซต์นี้ด้วย จากเดิมที่จำหน่ายผ่านช่องเนชั่น 22, อัมรินทร์ทีวี,ช่องวัน และไทยรัฐทีวี ด้วย
หน้า 21-22 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 40 ฉบับที่ 3,612 วันที่ 24 -26 กันยายน พ.ศ. 2563
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ทรูฯ ดึงพันธมิตรปลุกโฮมช้อปปิ้ง