จับตาจัดตั้ง “รัฐบาลเอกภาพแห่งชาติ” เมียนมา
ชนกลุ่มน้อยติดอาวุธในเมียนมาจำนวนมากขึ้นเรื่อย ๆหันมา หนุนการจัดตั้ง “รัฐบาลเอกภาพแห่งชาติ” หรือ national unity government เป็นทางออกสำหรับความขัดแย้งทางการเมืองที่กำลังเกิดขึ้นในเมียนมาในขณะนี้
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา (30 มี.ค.) มี กองกำลังชนกลุ่มน้อยติดอาวุธ อีก 3 กลุ่ม ซึ่งรวมถึงกลุ่มกองกำลังอาระกัน (Arakan Army) ซึ่งมีที่มั่นอยู่ในรัฐยะไข่ทางภาคตะวันตกของประเทศเมียนมา ได้ สาบานตนเข้าร่วมขบวนการปฏิวัติ ที่พวกเขาเรียกว่า Spring Revolution ที่กำลังผลิบานไปทั่วประเทศ เมียนมา ในเวลานี้
ความเคลื่อนไหวดังกล่าวมีขึ้นหลังจากที่บรรดาอดีต ส.ส.รัฐบาลพลเรือนที่ถูกกองทัพยุบสภาไปแล้วโดยอัตโนมัติเมื่อเกิดการรัฐประหารยึดอำนาจรัฐบาลพลเรือนเมื่อวันที่ 1 ก.พ.ที่ผ่านมา ได้ออกมาเรียกร้องให้บรรดากองกำลังชนกลุ่มน้อยที่กระจัดกระจายกันอยู่ตามภูมิภาคต่าง ๆของประเทศออกมาแสดงพลังรวมตัวกัน เพื่อร่วมยับยั้งการใช้อำนาจป่าเถื่อนของรัฐบาลกลางที่กำลังกวาดล้างและไล่สลายการชุมนุมประท้วงของประชาชน นอกจากนี้ ยังได้มีการเสนอจัดตั้ง “รัฐบาลเอกภาพแห่งชาติ” หรือ national unity government ขึ้นในวันที่ 1 เมษายนนี้ โดยจะให้บรรดา ผู้นำชนกลุ่มน้อย เข้ามามีบทบาทสำคัญในรัฐบาลดังกล่าว
ทั้งนี้ ได้มีการประชุมออนไลน์ของกลุ่มต่าง ๆเพื่อหารือการผนึกกำลังกันต่อต้านรัฐบาลทหารเมียนมาซึ่งนับตั้งแต่มีการยึดอำนาจจากรัฐบาลพลเรือนที่มีพรรคสันนิบาตแห่งชาติเพื่อประชาธิปไตย หรือ NLD ของนางอองซาน ซูจีเป็นแกนนำ เมื่อเดือนก.พ.ที่ผ่านมา ได้มีการใช้กำลังเข้ากวาดล้างและสลายการชุมนุมจนมีผู้เสียชีวิตแล้วกว่า 500 รายทั่วประเทศ แต่ขณะเดียวกันเหตุการณ์ดังกล่าวก็ได้ทำให้กองกำลังติดอาวุธของชนกลุ่มน้อยกลุ่มต่าง ๆราว 12 กลุ่มประกาศลุกขึ้นต่อต้านรัฐบาลกลางที่จัดตั้งโดยกองทัพเมียนมา และให้คำมั่นว่าจะอยู่เคียงข้างฝ่ายผู้ชุมนุมประท้วง
ในรัฐกะเหรี่ยงทางภาคตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งเป็นที่มั่นของกลุ่มกองกำลังชนกลุ่มน้อยชาวกะเหรี่ยงที่แข็งแกร่งที่สุดกลุ่มหนึ่ง กลุ่มกะเหรี่ยง KNU (Karen National Union) ประกาศว่าทางกลุ่มได้รับการขอร้องจากกลุ่มต่อต้านการรัฐประหารและยินดีที่จะส่งบรรดานักรบของกลุ่ม KNU เข้าร่วมปกป้องผู้ชุมนุมประท้วง นอกจากนี้ ยังส่งกองกำลังเข้าโจมตีฐานที่ตั้งของกองทัพเมียนมาหลายแห่งรวมทั้งตัดเส้นทางลำเลียงเสบียงของกองทัพเมียนมาในพื้นที่ที่อยู่ภายใต้ความดูแลของกลุ่มกะเหรี่ยง
ส่วนในรัฐคะฉิ่นซึ่งอยู่ทางภาคเหนือ ก็มีกองกำลังของชนกลุ่มน้อยภายใต้ชื่อ KIA (Kachin Independence Army) ลุกขึ้นก่อปฏิบัติการในลักษณะเดียวกัน
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานอ้างอิงการให้สัมภาษณ์ของ ดร. ซาซา (Dr Sasa) ซึ่งเป็นตัวแทนกลุ่มรัฐบาลพลเรือนเมียนมา หรือรัฐบาลคู่ขนาน ภายใต้ชื่อคณะกรรมการผู้แทนสมัชชาแห่งสหภาพ (Committee Representing Pyidaungsu Hluttaw หรือ CRPH) เปิดเผยว่า มีการร่างธรรมนูญกลางร่วมกับผู้นำชนกลุ่มน้อยและกลุ่มพลเรือน พร้อมกันนี้ ยังมีแผนจัดตั้ง “กองทัพกลาง” หรือ federal army ขึ้นมาทำหน้าที่คู่ขนานกับกองทัพเมียนมาที่เรียกกันในภาษาท้องถิ่นว่า ทัตมาดอว์ (Tatmadaw)
“ถ้าประชาคมโลกไม่สามารถดำเนินการใด ๆ (ในการกดดันรัฐบาลทหารเมียนมาที่กำลังใช้ความรุนแรงปราบปรามประชาชน) ก็คงเลี่ยงไม่ได้ที่จะเกิดสงครามกลางเมืองอย่างเต็มรูปแบบและการนองเลือด ที่อาจจะเกิดขึ้นอีกเป็นสัปดาห์หรือนานนับเดือน” ดร.ซาซา กล่าวกับรอยเตอร์ “เราจำเป็นต้องมีกองทัพส่วนกลาง และนั่นเป็นวิธีที่จะทำให้ได้มาซึ่งประชาธิปไตยและเสรีภาพ”
ด้านนายพลอาวุโส มิน อ่อง หล่าย ผู้นำสูงสุดของเมียนมาในขณะนี้ ได้ประกาศผ่านสื่อของทางการเมื่อวานนี้ (30 มี.ค.) ว่า บรรดากองกำลังติดอาวุธของชนกลุ่มน้อยที่เข้ามาอยู่ฝ่ายสนับสนุนผู้ชุมนุมและประณามการรัฐประหารในเวลานี้ กำลัง “เต้นตามเพลง” ที่นางอองซาน ซูจี หัวหน้าพรรค NLD เป็นผู้บรรเลง
นายแอนโทนี เดวิส นักวิเคราะห์จากบริษัท เจนส์ อินเทลเลอเจนซ์ ในกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ เปิดเผยว่า กองกำลังของชนกลุ่มน้อยติดอาวุธโดยรวมนั้นมีประมาณ 75,000 คนทั่วประเทศ เพียงพอที่จะต่อกรกับกองทัพของรัฐบาลเมียนมาที่มีกำลังพลราว 350,000 นายในลักษณะการโจมตีแบบต่างฝ่ายต่างเปิดฉากในหลายพื้นที่พร้อม ๆกัน “ถ้าคะฉิ่น กะเหรี่ยง ฉาน และอาจจะยะไข่ด้วย ก่อเหตุโจมตีกระจาย ๆกันไป ขณะที่ในหัวเมืองใหญ่ทั้งหลายมีการชุมนุมใหญ่ที่รุนแรงมากขึ้น ทัตมาดอว์ (กองทัพเมียนมา) ก็จะเจอปัญหาใหญ่แน่ ๆ”
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
เมียนมาหมิ่นเหม่เข้าสู่ภาวะกลียุค ใกล้เป็น "รัฐล้มเหลว" ที่ลุกโชน "ไฟสงครามกลางเมือง"
KNU รุกหนัก ยึดฐานทหารเมียนมาได้อีกรวม 2 ฐาน
‘เมียนมา’แรง ธุรกิจไทยอัมพาต ต่างชาติถอนลงทุน
สหรัฐ-ญี่ปุ่นร่วมอีก 10 ประเทศประณามกองทัพเมียนมากระทำรุนแรงผู้ชุมนุม