ไทยอ่วมคู่ค้า 23 ประเทศรุมใช้เอดี-ซีวีดี-เซฟการ์ด สกัดนำเข้าสินค้าแล้ว 103 รายการ ล่าสุดเปิดไต่สวนเพื่อใช้มาตรการอีก 18 รายการ ซํ้าเติมทุบส่งออกทรุด อินเดีย สหรัฐฯ ตุรกี ออสเตรเลีย อินโดฯ นำ 5 อันดับแรกเล่นงานไทยมากสุด จับตาสงครามการค้าเพิ่มดีกรีกีดกันพุ่ง
การส่งออกของไทยช่วง 5 เดือนแรกปีนี้ยังติดลบที่ 2.7% ล่าสุดหลายสำนักพยากรณ์ออกมาปรับลดคาดการณ์ส่งออกไทยใหม่หนักสุดถึงขั้นติดลบ 1% ผลพวงจากสงครามการค้าสหรัฐฯ-จีน ส่งผลให้เศรษฐกิจ และการค้าโลกชะลอตัวลง สินค้าจีนเริ่มไหลบ่าหาตลาดอื่นชดเชยตลาดสหรัฐฯที่ถูกขึ้นภาษีสูงมากขึ้น ขณะที่สินค้าของหลายประเทศก็ต้องหาตลาดใหม่ๆ ในการระบายสินค้ามากขึ้น ซึ่งส่วนใหญ่เน้นแข่งขันด้านราคาตํ่า ส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมในประเทศปลายทางเดือดร้อน และฟ้องร้องรัฐบาลให้เปิดไต่สวนเพื่อใช้มาตรการตอบโต้ทางการค้าเพิ่มขึ้น
ผู้สื่อข่าว “ฐานเศรษฐกิจ” ตรวจสอบข้อมูลจากเว็บไซต์ของกรมการค้าต่างประเทศ พบว่า เวลานี้มีคู่ค้า 23 ประเทศได้ใช้มาตรการทางการค้ากับไทยได้แก่ มาตรการตอบโต้การทุ่มตลาด(AD) มาตรการการตอบโต้การอุดหนุน(CVD) และมาตรการปกป้องการนำเข้าสินค้าที่เพิ่มขึ้น(SG) โดยมีการใช้มาตรการด้านภาษี หรือการกำหนดโควตานำเข้าสินค้าไทย รวม 121 ราย ในจำนวนนี้ ยังมีการบังคับใช้มาตรการอยู่ 103 รายการ และอยู่ระหว่างการเปิดไต่สวนเพื่อใช้มาตรการ 18 รายการ(กราฟิกประกอบ)
สำหรับประเทศที่ใช้มาตรการกับไทยสูงสุด 5 อันดับแรกได้แก่ อินเดีย สหรัฐฯ ตุรกี ออสเตรเลีย และอินโดนีเซีย ส่วนอีก 18 ประเทศ/กลุ่มประเทศ ได้แก่ จีน เกาหลีใต้ สหภาพยุโรป ยูเครน โมร็อกโก ปากีสถาน บราซิล อาร์เจนตินา มาเลเซีย แอฟริกาใต้ ฟิลิปปินส์ เวียดนาม แคนาดา คอสตาริกา กลุ่ม Eurasian Economic Union ปานามา อียิปต์ และโคลอมเบีย สินค้าไทยที่คู่ค้ากำลังเปิดไต่สวน เช่น พลาสติกประเภทโพลิเอทิลีนที่มีความหนาแน่นสูง, แผ่นใยไม่อัด(MDF) , ไกลซีน, Carbon and Alloy Steel Threaded Rod เป็นต้น
ขณะเดียวกันในส่วนของไทย ที่ผ่านมามีการใช้มาตรการทางการค้ากับประเทศคู่ค้า 46 รายการ ในจำนวนนี้ยังมีการบังคับใช้มาตรการอยู่ 19 รายการ ยุติการใช้มาตรการ 24 รายการ และอยู่ระหว่างเปิดไต่สวนเพียง 3 รายการ เช่น สินค้าหลอดและท่อทำด้วยเหล็กกล้าจากเวียดนาม เป็นต้น ส่วนที่ใช้มาตรการแล้วในปีนี้ เช่น เหล็กลวดคาร์บอนสูงรวมถึงเหล็กลวดคาร์บอนสูงที่เจือธาตุอื่น จากจีน เป็นต้น
ดร.อัทธ์ พิศาลวานิช ผู้อำนวยการศูนย์ศึกษาการค้าระหว่างประเทศ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย กล่าวว่ามีแนวโน้มที่คู่ค้าและไทยจะใช้มาตรการทางการค้าข้างต้นระหว่างกันมากขึ้น ส่วนหนึ่งผลจากสงครามการค้าสหรัฐฯ-จีน ทำให้การค้าโลกชะลอตัว แต่ละประเทศที่เป็นผู้ส่งออกต้องหาตลาดระบายสินค้าเพิ่มขึ้น เห็นได้จากเวลานี้มีสินค้าจีนที่เริ่มทะลักเข้ามายังอาเซียนเพิ่มขึ้น
ดร.อัทธ์ พิศาลวานิช
“การใช้มาตรการเอดี โดยหลักการคือราคาส่งออกสินค้าจากประเทศผู้ผลิตส่งไปยังประเทศปลายทาง ขายตํ่ากว่าราคาสินค้าชนิดเดียวกันจากประเทศต้นทาง ที่ผ่านมาสินค้าไทยสุ่มเสี่ยงถูกใช้มาตรการมากขึ้น ส่วนหนึ่งจากในบางช่วงเงินบาทอ่อนค่า ทำให้ราคาสินค้าถูกลง แต่เวลานี้เงินบาทไทยแข็งค่า ราคาและต้นทุนสินค้าไทยสูงขึ้น การขายตํ่ากว่าราคาส่งออกคงเป็นไปได้ยาก”
นายอดุลย์ โชตินิสากรณ์ อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ กล่าวว่า ทางกรมได้ติดตามการทุ่มตลาดสินค้า จากต่างประเทศ หรือสินค้าจากต่างประเทศเข้ามาสวมสิทธิ์แหล่งกำเนิดสินค้าไทยเพื่อส่งออกไปยังประเทศที่ 3 อย่างใกล้ชิด ทางกรมพร้อมรับข้อมูลจากผู้ประกอบการและพร้อมเปิดไต่สวนเพื่อใช้มาตรการหากปรากฏมีความเสียหายเกิดขึ้นจริง
หน้า 13 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 39 ฉบับที่ 3,487 วันที่ 14-17 กรกฎาคม 2562