นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวภายหลังการเป็นประธานในพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือว่าด้วยการสนับสนุนและขับเคลื่อนโครงการ“ฮักไทย (HUG THAIS)”รวมใจ ไทยไม่ทิ้งกัน ระหว่างการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.) เพื่อกระตุ้นการใช้จ่ายทั้งของคนไทยและนักท่องเที่ยวต่างชาติ ผ่านแนวคิด “ฮักกิน ฮักเที่ยว ฮักใช้” โดยจะเริ่มจากโครงการต้นแบบ“ฮักไทย ฮักภูเก็ต” (HUG THAIS HUG PHUKET) ในเดือนกรกฎาคมนี้คาดสร้างรายได้หลักแสนล้าน
เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ส่งผลให้ผู้ประกอบการท่องเที่ยวไทยได้รับผลกระทบอย่างหนัก โดยเฉพาะผู้ประกอบการรายย่อยที่ทยอยปิดกิจการลง มีผู้ตกงานและรายได้ลดลงกว่า 80-90% กระทรวงฯ จึงได้กำหนดนโยบายเพื่อแก้ปัญหาและช่วยเหลือผู้ประกอบการอย่างเร่งด่วน อาทิมาตรการเยียวยา แนวทางจัดสรรวัคซีนให้กับผู้ประกอบการท่องเที่ยว รวมถึงการเปิดรับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติตามนโยบายการเปิดประเทศ (Phuket Sandbox) ในวันที่ 1 กรกฎาคม 2564 ซึ่งอนุญาตให้นักท่องเที่ยวได้รับวัคซีนครบแล้วสามารถเข้าประเทศไทยได้โดยไม่ต้องกักตัว 14 วัน แต่ต้องพำนักในที่พักหรือโรงแรมที่ได้รับรองเครื่องหมายSHA+ (SHA Plus) หรือสัญลักษณ์มาตรฐานท่องเที่ยวปลอดภัยด้านสุขอนามัย โดย ททท. และ สธ. เพื่อยืนยันมาตรการด้านความปลอดภัย
สำหรับโครงการ HUG THAIS เป็นความร่วมมือระหว่าง ททท. และ หอการค้าไทยฯ ผนึกกำลังกันเพื่อสร้างความเข้มแข็งให้ผู้ประกอบการไทย ภายใต้แนวคิด “ฮักกิน ฮักเที่ยว ฮักใช้” ซึ่งจะครอบคลุมทั้งการยกระดับสินค้าและบริการ ช่วยเหลือผู้ประกอบการ SMEs รวมถึงจัดกิจกรรมและประชาสัมพันธ์เพื่อสร้างความมั่นใจและกระตุ้นการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวซึ่งจะเริ่มดำเนินการที่จังหวัดภูเก็ตเป็นที่แรกในชื่อ HUG THAIS HUG PHUKET เพื่อให้สอดคล้องกับโครงการ Phuket Sandbox ที่กำลังจะเริ่มต้นขึ้น
ด้านนายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการ ททท. กล่าวว่า ททท. เล็งเห็นความสำคัญของการสร้างความเข้มแข็งให้ผู้ประกอบการท่องเที่ยวไทย ให้สามารถต่อสู้กับภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบันได้ จึงร่วมมือกับ หอการค้าไทยฯดำเนินโครงการ“ฮักไทย (HUG THAIS)” รวมใจ ไทยไม่ทิ้งกัน ส่งเสริมการช่วยเหลือกันของคนไทย กระตุ้นการใช้จ่าย
จากการกิน-เที่ยว-ใช้ผลิตภัณฑ์ของไทย วัตถุดิบไทย ผู้ประกอบการไทย มีการจ้างงานคนไทย ผ่านความร่วมมือของภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาชน ภายใต้แนวคิด “ฮักกิน ฮักเที่ยว ฮักใช้” ประกอบด้วย Eat Moreฮักกิน ชูอัตลักษณ์ของอาหารถิ่น กระตุ้นการท่องเที่ยวรูปแบบ Gastronomy Tourism Travel More ฮักเที่ยวกระตุ้นการท่องเที่ยวในจังหวัดต่างๆ ด้วยรูปแบบการท่องเที่ยวที่หลากหลาย เปิดประสบการณ์การท่องเที่ยวใหม่ แตกต่างอย่างน่าประทับใจ และ Shop More ฮักใช้สนับสนุนอุดหนุนสินค้าท้องถิ่น ส่งเสริมการจำหน่ายสินค้าของคนไทยในห้างสรรพสินค้าชั้นนำ ที่มีตราสัญลักษณ์HUG THAIS รวมถึงมอบโปรโมชันพิเศษ โดย ททท. จะสนับสนุนด้านการตลาดและการประชาสัมพันธ์ วางแผนจัดกิจกรรมให้สอดคล้องกับแบรนด์ AmazingThailand เพื่อสร้างความมั่นใจและกระตุ้นการใช้จ่ายทั้งของคนไทยและนักท่องเที่ยวต่างชาติ รวมถึงให้คำแนะนำการจัดกิจกรรมการท่องเที่ยวแก่ผู้ประกอบการ เพื่อตอบสนองต่อความต้องการของนักท่องเที่ยวให้มากที่สุด
ขณะที่นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย กล่าวว่าหอการค้าไทยฯ ในฐานะสถาบันหลักทางการค้าและบริการของประเทศ ดำเนินงานช่วยเหลือผู้ประกอบอย่างต่อเนื่องภายใต้นโยบายฟื้นฟูเศรษฐกิจ Connect the Dots และโอกาสนี้ ได้ร่วมกับ ททท. ดำเนินโครงการ“ฮักไทย (HUG THAIS)” รวมใจ ไทยไม่ทิ้งกัน ปลุกกระแสและพลังแห่งการช่วยเหลือ อุดหนุนสินค้าของคนไทยด้วยกัน สร้างรายได้แก่ผู้ประกอบการรายย่อยทั่วประเทศโดยจะประสานงานกับสมาชิกผู้ประกอบการโรงแรม ร้านอาหาร ศูนย์การค้า สายการบิน บริษัทขนส่ง เป็นต้น เพื่อสนับสนุนการเข้าร่วมกิจกรรม อีกทั้งสนับสนุนสถานที่จัดแสดงจัดจำหน่ายสินค้า และจัดกิจกรรมทางการตลาดแก่ผู้ประกอบการไทย เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจและสร้างบรรยากาศเชิงบวกสำหรับอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวและบริการตลอดทั้งห่วงโซ่อุปทาน ทำให้ผู้ประกอบการไทยมีช่องทางการจำหน่ายสินค้าและบริการในรูปแบบที่หลากหลายทั้งช่องทางออฟไลน์ ออนไลน์ และออมนิชาแนล รวมถึงช่องทางการจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายและประชาสัมพันธ์ของภาครัฐและเอกชน
ทั้งนี้ จะเริ่มนำร่องโครงการ “ฮักไทย ฮักภูเก็ต(HUG THAIS HUG PHUKET)” จ.ภูเก็ต ในเดือนกรกฎาคม2564 นี้ เพื่อให้สอดคล้องกับนโยบายการเปิดประเทศ โดยมุ่งเน้นกระจายรายได้สู่ท้องถิ่น ผ่านกิจกรรมแคมเปญPhuket’sReopening มอบส่วนลดสูงสุด 10% เมื่อซื้อสินค้าครบ 1,000 บาท จากภาคค้าปลีกในภูเก็ตและมอบคูปองเงินสด 100 บาท สำหรับเป็นส่วนลดซื้อสินค้าและบริการของร้านค้ารายย่อย จ.ภูเก็ต ในครั้งถัดไปคาดว่าโครงการนี้จะช่วยสร้างเม็ดเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจไทยหลักแสนล้านบาท ภายใน 6 เดือนทั้งช่วยเพิ่มโอกาสสร้างงานและจ้างแรงงาน ถือเป็นอีกหนึ่งกลยุทธ์พลิกฟื้นเศรษฐกิจประเทศให้อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวและบริการของประเทศไทยกลับมาฟื้นตัวได้โดยเร็วที่สุด พร้อมขับเคลื่อนประเทศไทยให้เป็น“จุดหมายปลายทางแห่งความสุข” เพื่อคืนรอยยิ้มกลับสู่คนไทยอีกครั้ง