นางสาวนันทนา ขาวปลื้ม รองประธานกรรมการบริหารอาวุโส บริษัท แบรนด์ซันโทรี่ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า “ปัจจุบันตลาดอาหารเสริมสุขภาพมีการแข่งขันที่สูงมาก โดยเฉพาะในช่วงโควิด-19 ที่ผู้บริโภคมองหาผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ จึงมีผู้ผลิตรายใหม่ๆเข้ามาแข่งขันกันมากขึ้น บริษัทคาดการณ์ว่ามูลค่าตลาดอาหารเสริมเพื่อสุขภาพในปี 2563 นี้จะมีมูลค่าสูงถึง 18,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นโจทย์ใหญ่ของบริษัทที่จะทำอย่างไรจึงจะสามารถรักษาตำแหน่งผู้นำในตลาดนี้ไว้ได้อย่างต่อเนื่อง จากความท้าทายดังกล่าว บริษัทจึงได้วางกลยุทธ์ที่จะสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนให้กับองค์กร
นอกเหนือจากการเร่งพัฒนาผลิตภัณฑ์นวัตกรรมเพื่อตอบโจทย์ความต้องการผู้บริโภคที่ใส่ใจสุขภาพด้วยการศึกษาวิจัย และเลือกสรรสารสกัดจากสมุนไพรธรรมชาติ รวมทั้งสารอาหารที่เป็นประโยชน์ต่อสุขภาพ เพื่อตอบสนองความต้องการผู้บริโภคในยุค New Normal ที่ใส่ใจสุขภาพให้มากขึ้นแล้ว อีกหนึ่งกลยุทธ์ที่วางไว้ คือ การปรับเปลี่ยนรูปแบบ การจัดจำหน่ายสินค้า (Route to Market - RTM) ในกลุ่มร้านค้าปลีกดั้งเดิม (General Trade - GT) เพื่อให้สอดรับกับการขยายตัวของกลุ่มร้านค้าดังกล่าว ประกอบกับพฤติกรรมผู้บริโภคที่ต้อง Work From Home ทำให้มีความต้องการซื้อสินค้าที่ง่าย สะดวก และรวดเร็ว ร้านค้าปลีกดั้งเดิม หรือร้านโชห่วยจึงเป็นทางเลือกทางหนึ่งที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
“ปัจจุบันช่องทาง GT มีสัดส่วนยอดขายคิดเป็น 30% ของยอดขายทั้งหมดในแบรนด์ ซันโทรี่ ซึ่งเป็นช่องทางที่สามารถเข้าถึงกลุ่มผู้บริโภคได้ง่าย และทั่วถึงครอบคลุมทุกพื้นที่ทั่วประเทศ อีกทั้งเรามองเห็นโอกาสทางการตลาดจากการขยายตัวของกลุ่ม GT จากข้อมูลการสำรวจของนีลเส็น ประเทศไทย พบว่า ในปี 2562 ร้านค้ากลุ่ม GT มีจำนวนเพิ่มขึ้นกว่า 4,300 ร้าน เมื่อเทียบกับปี 2561”
ดังนั้นเพื่อสร้างการเติบโตในกลุ่ม GT บริษัทจึงได้ปรับเปลี่ยนรูปแบบ RTM โดยจะมุ่งเน้นไปที่การขยายโอกาสในการเข้าถึงผู้บริโภคกลุ่มใหม่ๆ และเพิ่มโอกาสในการทดลองสินค้าของแบรนด์เพิ่มเติมจากฐานลูกค้าปัจจุบัน ซึ่งจะมีองค์ประกอบสำคัญอยู่ 4 ประการ ได้แก่ 1. Strong Network คือ การมีเครือข่ายพันธมิตรร้านค้าที่แข็งแกร่ง โดยบริษัทได้แต่งตั้งศูนย์จัดจำหน่าย 17 แห่งครอบคลุมร้านค้าทั้ง ผู้ค้าส่ง และค้าปลีก ในทุกพื้นที่ทั่วประเทศ 2. Strong People จัดตั้งทีมงานพัฒนาฝ่ายขายโดยยึดหลักโครงสร้างมาตรฐานจาก ‘ซันโทรี่ กรุ๊ป’ ผสานกับแนวทาง และโครงสร้างของ ทีมในเมืองไทย ทีมงานฝ่ายขายของแบรนด์ ซันโทรี่จะทำงานในรูปแบบ Exclusive Salesforce ปรับบทบาทในการเข้าไปดูแลร้านค้าภายใต้ศูนย์จัดจำหน่าย พร้อมทำหน้าที่เป็นผู้ให้คำแนะนำแก่พนักงานขายของศูนย์จัดจำหน่ายที่จะขายผลิตภัณฑ์ของแบรนด์ ซันโทรี่ 3. Strong Technology ใช้ Distributor Management System เพื่อจัดเก็บ และวิเคราะห์ข้อมูลด้านการจัดจำหน่ายได้อย่างครอบคลุม และเจาะลึก และ 4. Strong Product คัดสรรผลิตภัณฑ์จำหน่ายที่เหมาะกับช่องทาง GT เพื่อตอบโจทย์ และสร้างความพึงพอใจสูงสุดให้กลุ่มลูกค้าของช่องทาง GT เช่น แบรนด์จูเนียร์ อัลฟ่า พลัส ซุปไก่สกัด รสช็อกโกลาวาขนาด 42 ml. และแบรนด์เจนยู ลูทีน่าพลัส ขนาดพิเศษ
“การปรับเปลี่ยนรูปแบบ RTM สำหรับกลุ่ม GT ในครั้งนี้นับเป็นการต่อยอดจากความสำเร็จที่ผ่านมาในความร่วมมือกับ บริษัท เดอเบล จำกัด ในโอกาสนี้บริษัทขอขอบคุณเดอเบลในฐานะที่เป็นตัวแทนจำหน่ายให้กับแบรนด์ ซันโทรี่มาเป็นระยะเวลากว่า 3 ปี ด้วยความเชี่ยวชาญของเดอเบลทำให้เราสามารถเข้าถึงลูกค้าได้กว่า 100,000 รายในกลุ่ม GT ครอบคลุมร้านค้าได้มากขึ้น 4 เท่า และจำนวนการกระจายสินค้าเพิ่มขึ้นจาก 47% เป็น 54% ในโอกาสนี้ บริษัทมีความยินดีที่ได้ต้อนรับศูนย์จัดจำหน่ายทั้ง 17 แห่ง เข้าสู่ครอบครัวแบรนด์ ซันโทรี่ ประเทศไทย ด้วยความเชี่ยวชาญ และความเข้าใจต่อความต้องการของลูกค้าในแต่ละพื้นที่อย่างลึกซึ้ง ศูนย์จัดจำหน่ายทั้ง 17 แห่งจึงมีบทบาทสำคัญที่จะช่วยพัฒนาการกระจายสินค้าไปยังทุกช่องทางการขายได้อย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึงการเพิ่มกลุ่มสินค้าเข้าไปในร้านค้าเพื่อสร้างการรับรู้ในตราสินค้าในแต่ละพื้นที่ได้อย่างทั่วถึงในทุกกลุ่มเป้าหมาย ล่าสุด บริษัทได้จัดงาน ‘Route to Market Transformation 2020’ เพื่อแนะนำศูนย์จัดจำหน่ายทั้ง 17 แห่งอย่างเป็นทางการ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างความเข้าใจในการทำงานร่วมกันให้รับรู้ถึงแนวทาง และกลยุทธ์ขององค์กร และสร้างความสัมพันธ์อันดีต่อกัน”
“บริษัทเชื่อมั่นว่าจากการปรับเปลี่ยนรูปแบบ RTM สำหรับช่องทาง GT ในครั้งนี้จะช่วยสร้างความได้เปรียบในการแข่งขัน ตอบสนองความต้องการของลูกค้า และผู้บริโภคได้อย่างรวดเร็ว เพิ่มการเข้าถึงร้านค้าได้อย่างครอบคลุมกว่า 65,000 ร้านภายในปี 2564 เสริมสร้างการเติบโตในสายอาชีพของฝ่ายขายด้าน GT และสร้างการเติบโตให้กับองค์กรได้อย่างยั่งยืน”