วิลเลี่ยม ไฮเน็คกี้ ส่งหนังสือเปิดผนึกถึงนายกประยุทธ์ เสนอ 4 ประเด็น ด้านการบริหารจัดการวัคซีนโควิด-19 ต่อภาคธุรกิจท่องเที่ยว หนุนรัฐรวมพนักงานภาคบริการธุรกิจท่องเที่ยวให้อยู่ในกลุ่มแรกที่จะได้รับการฉีดวัคซีนโควิด-19 ก่อน เตรียมเปิดประเทศรับต่างชาติที่ฉีดวัคซีนแล้วแบบจำกัด นำร่องที่จังหวัดภูเก็ตเป็นที่แรก
นายวิลเลี่ยม เอ็ลล์วู๊ด ไฮเน็ค ประธานกรรมการ บริษัท ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) ทำหนังสือเปิดผนึกถึงพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เมื่อวันที่28มกราคม2564 ถึงข้อเสนอแนะเชิงนโยบายจากบริษัท ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) ด้านการบริหารจัดการวัคซีนโควิด-19 ต่อภาคธุรกิจท่องเที่ยว
โดยในหนังสือระบุว่าเรียน พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ก่อนอื่นผมใคร่ขอแสดงความชื่นชมท่านนายกรัฐมนตรีและรัฐบาลไทยอีกครั้งหนึ่งที่ตัดสินใจไม่เลือกใช้มาตรการล็อกดาวน์ที่เข้มงวดและการสั่งปิดธุรกิจในการสกัดการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ในระลอกใหม่นี้
โดยในปัจจุบันมาตรการควบคุมที่รัฐบาลเลือกบังคับใช้อยู่นั้น สามารถควบคุมสถานการณ์โดยรวมได้ค่อนข้างดี ซึ่งการกำหนดให้การบังคับใช้มาตรการล็อกดาวน์แบบเต็มรูปแบบเป็นทางเลือกสุดท้าย ถือเป็นสิ่งที่จะช่วยให้เราสามารถหลีกเลี่ยงและลดทอนความเสี่ยงทางธุรกิจและความเสียหายอีกหลายประการที่โควิด-19 มีต่อเศรษฐกิจไทย
อย่างไรก็ตาม ตั้งแต่เริ่มมีการระบาดระลอกใหม่ในเดือนธันวาคม2563 ส่งผลให้อุตสาหกรรมท่องเที่ยวและภาครุกิจบริการได้ร้บผลกระทบที่รุนแรงอีกครั้งหนึ่ง จนทำให้กิจการโรงแรมและผู้ประกอบการท่องเที่ยวจำนวนมากต้องปิดตัวลงชั่วคราว
เนื่องจากหลายแห่งไม่สามารถจัดการกับต้นทุนและค่าใช้จ่ายในการดำเนินธุรกิจได้ และบางแห่งอาจถึงขั้นต้องปิดตัวลงอย่างถาวร ด้วยเหตุนี้เอง การมาถึงของวัคซีนโควิด-19 นั้น จึงเปรียบเสมือนแสงแห่งความหวังเดียวที่ส่องมายังปลายอุโมงค์อันมืดมิดและยาวไกลนี้
ผมตระหนักดีถึงความพยายามอย่างเร่งด่วนของรัฐบาลในการผลักดันกระบวนการต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับวัคซีนโควิด-19 เพื่อให้ประชาชนชาวไทยได้มีโอกาสเข้าถึงวัคซีนโดยเร็วที่สุด
อย่างไรก็ตาม ผมมั่นใจว่ายังมีแนวปฏิบัติอีกหลายประการที่เราสามารถทำได้เพื่อเร่งผลักดันให้กิดการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ
ผมจึงใคร่ขอแสดงความคิดเห็นที่เกี่ยวข้องกับนโยบายและแนวปฏิบัติของวัคซีนโควิด-19 เพิ่มเติมดังนี้
1.นับรวมพนักงานในภาคบริการธุรกิจท่องเที่ยวให้อยู่ในกลุ่มแรกที่จะได้รับการฉีดวัคซีนโควิด-19 ก่อน - เราเชื่อว่าพนักงานในภาคบริการธุรกิจท่องเที่ยว ซึ่งรวมถึงผู้ให้บริการในธุรกิจสายการบิน พนักงานต้อนรับบนเครื่องบิน นักบินและพนักงานโรงแรม ควรจัดรวมอยู่ในกลุ่มคนที่จะได้รับวัคซีนในระยะที่ 1
โดยพนักงานโรงแรมเหล่านี้หลายคนทำงาน
อยู่ในสถานที่กักกัน ตั้งแต่เริ่มมีการแพร่ระบาด ทำให้จัดเป็นผู้ที่มีความเสี่ยงสูงจากโควิด-19 บุคลากรในกลุ่มนี้ถือเป็นกลุ่มคนที่ต้องทำงานในแนวหน้าอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจำเป็นต้องมีปฏิสัมพันธ์ใกล้ชิดกับนักเดินทางจากทั้งภายในประเทศและระหว่างประเทศ
ทำให้มีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อและการแพร่ระบาดต่อไปยังบุคคลอื่น การจัดระดับความสำคัญในการได้รับวัดชีนของคนกลุ่มนี้ไปพร้อมๆ กับบุคลากรทางการแพทย์และกลุ่มที่มีความเสี่ยงสูงอื่นๆ จึงถือเป็นการป้องกันที่จำเป็นสำหรับประเทศ
ตัวอย่างที่น่าสนใจ ได้แก่ ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ซึ่งได้มีการฉีดวัคซีนให้แก่
ประชากรของประเทศกว่า 2 ล้านโดส หรือคิดเป็นกว่าร้อยละ 20 ของประชากรทั้งหมด โดยบุคลากรในภาคบริการธุรกิจท่องเที่ยวจำนวนมากในประเทศก็จัดอยู่ในกลุ่มผู้ที่ได้รับวัคซีนแล้วเช่นกัน
2.พิจารณาจัดหาตัวเลือกวัคซีนเพิ่มเติมอย่างเร่งด่วน - เราตระหนักดีว่ารัฐบาลกำลังเร่งดำเนินการจัดหาและพัฒนาวัคซีนอย่างสุดความสามารถ ซึ่งเราสนับสนุนความพยายามนี้เป็นอย่างยิ่ง แต่เมื่อพิจารณาถึงความเร่งด่วนของสถานการณ์ รัฐบาลเป็นต้องเร่งให้เกิดการเริ่มฉีดวัคซีนโดยเร็ววัน
อีกทั้งแผนกำหนดการฉีดวัคซีนของเราในปัจจุบันยังไม่มีความเร่งด่วนเพียงพอ และปริมาณวัคซีนที่วางแผนจะฉีดก็ยังคงไม่เพียงพอต่อประชากรของประเทศ นอกเหนือจากข้อตกลงการสั่งซื้อที่รัฐบาลได้ทำกับบริษัทแอสตราเซเนก้าและบริษัทชิโนแวคไปแล้วนั้น รัฐบาลควรพิจารณาและศึกษาข้อมูลของผู้ผลิตวัคซีนรายอื่นๆ ควบคูไปด้วย
ผมอยากเรียนขอให้รัฐบาลเร่งกระบวนการอนุมัติวัคซีนโควิด-19 โดยเฉพาะวัคซีนที่ได้ผ่านการรับรองแล้วในระดับสากล เราทุกคนตระหนักดีว่า การกระจายวัคซีนเป็นกุญแจสำคัญในการทำให้การเดินทางและการท่องเที่ยวของผู้คนกลับเข้าสู่ภาวะปกติ
ดังนั้นเราจึงต้องการมีส่วนร่วมในการช่วยเหลือและสนับสนุนการฟื้นตัวของภาคธุรกิจต่อจากนี้อยากเรียนขอให้รัฐบาลนุญาตให้โรงพยาบาลเอกชนร่วมกับโรงแรมที่ผ่านการตรวจประเมินเป็นสถานที่กักตัวทาง
เลือกหรือ Aternative State Quarantne (ASQ) สามารถฉีดวัคซีนโควิด-19 ให้กับแขกที่มาพักในโรงแรมในระหว่างการกักตัวได้
3.อนุญาตให้ผู้ที่ฉีดวัคซีนแล้วสามารถเดินทางท่องเที่ยวได้โดยไม่ต้องกักกันตัว-สำหรับผู้ที่พำนักอยู่ในประเทศ เมื่อได้รับการฉีดวัคซีนแล้ว ควรอนุญาตให้สามารถเดินทางภายในประเทศและระหว่างประเทศได้โดยไม่ต้องผ่านกระบวนการกักกันโรค
โดยเราตระหนักดีว่ามาตรการการสวมหน้กากอนามัยและการเว้นระยะห่างทางสังคมอาจยังจำเป็นต้องมีอยู่จนกว่าเราจะสามารถควบคุมการแพร่ระบาดส่วนใหญ่ได้ นอกเหนือจากนี้ นักธุรกิจที่มีความจำเป็นจะต้องเดินทางระหว่างประเทศ
เช่น ผู้บริหารระดับสูงของบริษัทข้ามชาติในประเทศไทยควรได้รับอนุญาตให้สามารถเดินทางไปต่างประเทศเพื่อดำเนินธุรกิจและดูแลการลงทุนที่มีอยู่ในต่างประเทศในช่วงเวลาวิกฤตนี้ และเมื่อได้รับวัคซีนเป็นเรียบร้อยแล้ว ควรได้รับการยกเว้นจากการกักตัว 14 วัน เมื่อเดินทางกลับมายังประเทศไทย
4.เตรียมการเพื่อต้อนร้บนักท่องเที่ยวต่างชาติที่พร้อมกับ "หนังสือเดินทางวัคซีน" Vaccination Passports) - เราทราบดีว่าแนวคิดเรื่อง"หนังสือเดินทางวัคซีน" ยังคงอยู่ในขั้นตอนเริ่มต้นของการศึกษาและพิจารณาในระดับนานาชาติ
อย่างไรก็ตาม เราจะเห็นว่าหลายประเทศเริ่มวางแผนที่จะใช้ใบรับรองหรือเอกสารบันทึกการฉีดวัคซีนมาเป็นเครื่องยืนยันในการอำนวยความสะดวกด้านการเดินทาง โดยบางสายการบินได้มีการระบุอย่างชัดเจนว่าผู้โดยสารจำเป็นต้องมีหลักฐานการฉีดวัดชีนสำหรับการเดินทางในเที่ยวบินระหว่างประเทศ
ดังนั้นจึงเป็นเรื่องสำคัญที่รัฐบาลต้องวางรากฐานและเตรียมการไว้ล่วงหน้าสำหรับความเป็นไปได้ของการเปลี่ยนแปลงในทิศทางดังกล่าว เราจำเป็นต้องกำหนดขั้นตอนและกระบวนการการเข้า-ออกประเทศในรูปแบบใหม่ที่รวมเอาหลักฐานการฉีดวัคซีนเข้าไปพิจารณาแล้ว เพื่อปรับตัวให้พร้อมรับกับภาวะปกติใหม่ที่กำลังจะเกิดขึ้น
ตัวอย่างเช่น ในช่วงกลางเดือนมกราคมที่ผ่านมา สาธารณรัฐเซเชลส์ ประกาศว่าพร้อมที่จะเปิดรับนักท่องเที่ยวที่ได้รับการฉีดวัคซีนแล้วจากทั่วโลก โดยภายใต้นโยบายใหม่นี้ทำให้ผู้ที่ได้รับการฉีดวัคซีนแล้วไม่จำเป็นต้องเข้าสู่กระบวนการกักกันหรือทำการตรวจเชื้อโควิด-19
เมื่อเดินทางมาท่องเที่ยวยังสาธารณรัฐเซเชลส์ โดยสาธารณรัฐเซเชลส์นับเป็น
ประเทศแรกของโลกที่นำการผ่อนปรนมาตรการการเดินทางเข้าออกประเทศในรูปแบบนี้มาบังคับใช้ ซึ่งได้รับผลการตอบรับเป็นอย่างดีจากกลุ่มนักท่องเที่ยวต่างชาติ
สำหรับประเทศไทย ผมสนับสนุนให้ประเทศเร่งดำเนินการเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ได้รับการฉีดวัคซีนแล้วแบบจำกัด ซึ่งสามารถเริ่มต้นที่จังหวัดภูเก็ตเป็นที่แรก นักท่องเที่ยวที่มีหลักฐานการฉีดวัคซีนโควิด-19 ควรได้รับการอนุญาตให้ไม่ต้องเข้าสู่กระบวนการกักกัน
ผมทราบมาว่าสมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวจังหวัดภูเก็ตกำลังอยู่ในระหว่างการหารือกับภาคส่วนที่เกี่ยวข้องเพื่อเตรียมนำเสนอแผนปฏิบัติการที่เป็นรูปธรรม โดยผมพร้อมที่จะสนับสนุนโครงการนี้อย่างเต็มที่ และเมื่อโครงการนี้ประสบผลสำเร็จก็จะสามารถถูกนำไปใช้ในเมืองท่องเที่ยวอื่นๆ เช่น สมุย พัทยา และแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญอื่นๆ ซึ่งได้รับผลกระทบจากการหายไปของนักท่องเที่ยวต่างชาติ
สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นเรื่องสำคัญอย่างยิ่ง ซึ่งรัฐบาลจำเป็นจะต้องตระหนักถึงความสำคัญของภาคบริการและธุรกิจท่องเที่ยวที่มีต่อเศรษฐกิจของประเทศและชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชน
ผมเชื่อเป็นอย่างยิ่งว่าการบริหารจัดการนโยบายที่เกี่ยวข้องกับวัคซีนโควิด-19 ที่มีประสิทธิภาพจะทำให้ประเทศไทยสามารถเปิดรับนักท่องเที่ยวได้อย่างปลอดภัย
ขอขอบพระคุณท่านนายกรัฐมนตรีเป็นอย่างสูงในการพิจารณาความเห็นของผมอีกครั้งหนึ่ง ผมมุ่งมั่นที่จะให้การสนับสนุนอย่าง
เต็มที่ตามนโยบายของรัฐบาลและพร้อมที่จะทำงานร่วมกันเพื่อช่วยฟื้นฟูเศรษฐกิจของประเทศ
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
พิษโควิด"ไมเนอร์"จ่อปลดพนักงานโรงแรมเพิ่ม ระลอก2
“วิลเลียม ไฮเน็ค” สะท้อน 6 มุมมอง “ไมเนอร์” ฝ่าทุกวิกฤต
“เราเที่ยวด้วยกัน” ไมเนอร์ จัดเพิ่มสิทธิประโยชน์ล่อใจ
ไมเนอร์ ขายหุ้นเพิ่มทุนให้ RO 8.2 หุ้นเดิมต่อ1 หุ้นใหม่ ที่ราคา 18.90 บ.ต่อหุ้น
'ไมเนอร์ ' จ่อระดมทุนเพิ่ม 2.5หมื่นล.รับมือโควิด