นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวว่า เตรียมหารือพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เพื่อขอกันวัคซีน 5 ล้านโดส โดยคาดว่ามีจำนวน 2.5 ล้านคน ฉีดให้กลุ่มพนักงานภาคการท่องเที่ยวที่มีความเสี่ยงสูง อาทิ ผู้ที่มีหน้าที่ต้อนรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ พนักงานโรงแรม พนักงานร้านอาหาร คนขับรถนำเที่ยว พนักงานสปา เน้นเมืองท่องเที่ยวหลัก 7 จังหวัด คือ ชลบุรี กรุงเทพฯ เชียงใหม่ ภูเก็ต กระบี่ สุราษฎร์ธานี และสงขลา ได้ฉีดก่อนเป็นกลุ่มแรก ๆ เพื่อสร้างความเชื่อมั่น ตามแผนที่จะเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ ที่ตั้งเป้านักท่องเที่ยวต่างชาติเข้าไทยที่ 5-10 ล้านคน
นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศ ไทย (ททท.) ระบุว่า ททท.จะหาวิธีดึงชาวต่างชาติที่ได้รับการฉีดวัคซีนแล้วมาเที่ยวไทย รวมถึงอยากให้มีพาสปอร์ตวัคซีน และให้หารือร่วมกับองค์การส่งเสริมการท่องเที่ยว (NTO) ของประเทศในอาเซียน เพื่อออกพาสปอร์ตร่วมกันภายใต้มาตรฐานเดียวกัน สามารถเดินทางเข้าออกประเทศกลุ่มอาเซียนโดยไม่ต้องกักตัวได้
อีกทั้งททท.จะเริ่มทำการตลาดเชิงรุก โดยได้เริ่มหารือกับสายการบินตะวันออก เช่น เอมิเรตส์ การ์ตาร์ แอร์เวย์ส โรงแรมและผู้ประกอบการท่องเที่ยว เพื่อขายแพ็กเกจท่องเที่ยวแบบ All Inclusive ที่จะเริ่มขายในช่วงเดือนมี.ค.-เม.ย.นี้ เพื่อดึงนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาเที่ยวไทย ที่คาดว่าจะเป็นช่วงไตรมาส 3 ของปีนี้
รวมถึงล่าสุดภาคเอกชนกลุ่มอุตสาหกรรมท่องเที่ยวภูเก็ต ได้ร่วมหารือถึงแผนการระดมฉีดวัคซีนโควิด-19 เพื่อเปิดประตูธุรกิจท่องเที่ยวภูเก็ตอีกครั้งในวันที่ 1 ตุลาคม 2564 โดยไม่ต้องกักตัว และการระดมสรรพกำลังสนับสนุนให้คนภูเก็ต และพนักงานในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวภูเก็ต ได้รับวัคซีนเป็นจำนวนอย่างน้อย 70% ของประชากร ภายใต้ยุทธการ #phuketfirstoctober เนื่องจากเริ่มเห็นความหวังฟื้นการท่องเที่ยว
นายภูมิกิตติ์ รักแต่งาม นายกสมาคมธุรกิจการการท่องเที่ยวจังหวัดภูเก็ต เปิดเผยว่า จากแนวคิดเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติในวันที่ 1 ตุลาคม 2564 โดยไม่ต้องกักตัว หรือ #phuketfirstoctober ทางทีมภูเก็ตได้ประเมินความเป็นไปได้จากปัจจัย 5 ข้อ ที่ขอความชัดเจน ประกอบไปด้วย
1. นักท่องเที่ยวที่ฉีดวัคซีนแล้วยังจะต้องกักตัวหรือไม่ หากไม่ต้องแล้วจำกัดหรือไม่ว่าต้องเป็นวัคซีนตัวไหน ถ้าไม่ใช่ของ Sinovac หรือ AstraZenagaที่ทางการรับรองแล้ว จะ พิจารณาอย่างไร 2. แผนจัดสรรวัคซีนให้คนภูเก็ตเป็นอย่างไร 3. รัฐจะให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น(อปท.)จัดหาวัคซีนให้ประชาชนในเขตได้หรือไม่ เพื่อให้สอดคล้องกรอบเวลาของพื้นที่
4. ขยายการขึ้นทะเบียนวัคซีนตัวอื่นที่ใช้ในหลายประเทศเพื่อให้มีเพียงพอใช้งาน 5. นโยบายให้เอกชนจัดซื้อวัคซีนฉีดให้พนักงานของแต่ละธุรกิจเองตามกำลังของแต่ละองค์กร
ทั้งนี้เราสนับสนุนให้คนภูเก็ต และพนักงานในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวภูเก็ต ได้รับวัคซีนเป็นจำนวนอย่างน้อย 70% ของประชากร ครบ 2 เข็มภายใน 1 กันยายน 2564 เพื่อสามารถสร้างภูมิต้านทาน และเปิดรับนักท่องเที่ยวที่ฉีดวัคซีนแล้วเข้ามาตั้งแต่ 1 ตุลาคม 2564 เป็นต้นไป
“ทีมเอกชนภูเก็ตได้เจรจาขอซื้อวัคซีนจากเครือโรงพยาบาลเอกชนไปบ้างแล้ว หากรัฐบาลเห็นชอบแนวทางที่ภาคเอกชนเสนอ เราน่าจะเริ่มฉีดเข็มแรกของ Sinovac ได้ก่อนสงกรานต์ และทยอยฉีดในส่วนภาคเอกชนให้ครบตามแผนที่วางไว้ เอกชนภูเก็ตตกลงกันแล้วว่าพนักงานที่ทำงานโดยเฉพาะส่วนภาคท่องเที่ยวจะจ่ายเงินค่าวัคซีนกันเอง เพื่ออนาคตเรา เราลงทุนเอง” นางสาวเชิญพร กาญจสายะ ประธานสภาอุตสาหกรรมจังหวัดภูเก็ต กล่าวเพิ่มเติม
ที่มา : หน้า 2 ฐานเศรษฐกิจ ฉบับที่ 3,650 วันที่ 4 - 6 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2564
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ซีอีโอไมเนอร์ ร้อง"นายกประยุทธ์"ชง 4แนวทางบริหารวัคซีนโควิดต่อธุรกิจท่องเที่ยว
วัคซีนโควิด-19 “หมอยง” เผย Sputnik V ของรัสเซียประสิทธิภาพสูงถึง 91/6%