หลังจากที่คณะกรรมการบริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ ศบค. มีมาตรการเฝ้าระวังและควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19 ระลอก 3 โดยกำหนดมีการควบคุมแบบบูรณาการจำแนกตามพื้นที่สถานการณ์ ทั้งร้านจำหน่ายอาหาร เครื่องดื่ม ห้างสรรพสินค้า ศูนย์การค้า คอมมูนิตี้มอลล์ รวมถึงร้านค้าปลีกต่างๆ
ล่าสุดยังมีมติให้ยกระดับมาตรการป้องกันโรคโควิด-19 ใน 6 พื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด 6 จังหวัด ได้แก่ กรุงเทพมหานคร ชลบุรี นนทบุรี เชียงใหม่ สมุทรปราการ ปทุมธานีนั้น
นายญนน์ โภคทรัพย์ ประธานสมาคมผู้ค้าปลีกไทย แจ้งว่า สมาคมผู้ค้าปลีกไทย และสมาคมศูนย์การค้าไทย ตระหนักถึงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 โดยสมาชิกสมาคมทั้งสองแห่งและภาคีเครือข่ายทั่วประเทศ ยืนยันที่จะให้ความร่วมมือตามประกาศภาครัฐในมาตรการควบคุมสูงสุดและเข้มงวด โดยการเปิด-ปิดศูนย์การค้าและห้างสรรพสินค้าทั่วประเทศจะยังคงเป็นเวลา 11.00- 20.00 น. เช่นเดิม
ซูเปอร์มาร์เก็ต ไฮเปอร์มาร์ท ที่ตั้งในศูนย์การค้าจะยังคงให้บริการถึง 21.00 น., ส่วนร้านค้าสะดวกซื้อจะให้บริการตามเวลา 05.00 – 22.00 น. ทั้งนี้มีผลครอบคลุมเฉพาะพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด 6 จังหวัด ได้แก่ กรุงเทพมหานคร ชลบุรี นนทบุรี เชียงใหม่ สมุทรปราการ ปทุมธานี เท่านั้น ตั้งแต่วันเสาร์ที่ 1 พฤษภาคม 2564 จนกว่าจะมีประกาศเปลี่ยนแปลง (ยกเว้นจะมีประกาศของ ศบค. หรือ ของจังหวัด ระบุอื่นใดที่เข้มข้นนอกเหนือจากนี้)
สำหรับมาตรการควบคุมสูงสุดและเข้มงวด ที่ศบค. กำหนด ประกอบด้วย ให้สวมหน้ากากอนามัย/หน้ากากผ้า เมื่อออกนอกเคหะสถาน/อยู่ในที่สาธารณะ, ห้ามการจัดกิจกรรมซึ่งมีการรวมกลุ่มของบุคคลที่มีจำนวนรวมกันมากกว่า 20 คน
ร้านจําหน่ายอาหารหรือเครื่องดื่มให้จําหน่ายอาหารและเครื่องดื่มในลักษณะ ของการนํากลับไปบริโภคที่อื่นได้เท่านั้น โดยงดการบริโภคอาหาร เครื่องดื่ม สุราและเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ในร้าน, ห้างสรรพสินค้า ศูนย์การค้า คอมมูนิตี้มอลล์ หรือสถานประกอบการอื่นที่มีลักษณะคล้ายกัน ให้เปิดดำเนินการได้ตามเวลาปกติของสถานที่นั้นๆ จนถึงเวลา 21.00 น
ร้านสะดวกซื้อ ซูเปอร์มาร์เก็ต ตลาดนัดกลางคืน ตลาดโต้รุ่ง ถนนคนเดิน ให้เปิดดำเนินการได้ตามเวลาปกติของสถานที่นั้นๆ แต่ไม่เกินเวลา 23.00 น. สำหรับร้านหรือสถานที่ซึ่งตามปกติเปิดให้บริการตลอด 24 ชั่วโมง ให้เริ่มเปิดดำเนินการได้ ในเวลา 04.00 น.
อย่างไรก็ตาม สมาคมผู้ค้าปลีกไทย และสมาคมศูนย์การค้าไทย ยังคงงดกิจกรรมที่มีการรวมตัวของคนจำนวนมาก รวมถึงการให้พนักงาน Work From Home เพื่อเพิ่มศักยภาพให้ทุกหน่วยงานสามารถควบคุมการแพร่ระบาดระลอกใหม่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ทั้งนี้ สมาคมผู้ค้าปลีกไทย และสมาคมศูนย์การค้าไทย จะเป็นผู้นำให้เอกชนทุกภาคส่วนร่วมมือกันในการควบคุมการระบาดของโรคโควิด-19 ให้จบเร็วที่สุด
# เราจะก้าวฝ่าวิกฤต ครั้งนี้ไปด้วยกัน #
ข่าวที่เกี่ยวข้อง :