ไทยพบ'โควิดสายพันธ์เดลตา'ลามใน 11 จังหวัดกทม.314 ราย

10 มิ.ย. 2564 | 04:55 น.
อัปเดตล่าสุด :10 มิ.ย. 2564 | 05:09 น.

'กรมวิทย์ฯ'เผยผลสุ่มตรวจสายพันธุ์โควิดในไทย 4,185 ราย พบสายพันธุ์สายพันธุ์เดลตา(อินเดีย) 348 ราย ลาม 11 จังหวัด  อยู่ในกทม. 314 ราย ขณะที่ส่วนสายพันธุ์แอฟริกาใต้พบ 26 ราย โดยสายพันธ์อังกฤษพบมากสุดถึง 88%

 
นพ.ศุภกิจ ศิริลักษณ์ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กล่าวว่า กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ และเครือข่ายห้องปฏิบัติการของมหาวิทยาลัย เช่น จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ เฝ้าระวังการเปลี่ยนแปลงสายพันธุ์เชื้อไวรัสก่อโรคโควิด-19 ในประเทศ  ซึ่งการร่วมมือนี้จะทำให้ประเทศไทยมีข้อมูลเฝ้าระวังสายพันธุ์ที่เข้มแข็ง และสามารถนำข้อมูลไปใช้ประโยชน์ต่อการควบคุมป้องกันโรค การรักษา และการวิจัยพัฒนาองค์ความรู้ต่างๆ ในประเทศ

โดยจากการสุ่มตรวจเฝ้าระวังสายพันธุ์เชื้อไวรัสซาร์ส-โควี-2 (SARS-CoV-2) ตั้งแต่เดือนเมษายน-มิถุนายน 2564 รวมจำนวน 4,185 ราย พบว่า

• สายพันธุ์อัลฟา (อังกฤษ) มีการพบมากที่สุดในประเทศไทย จำนวน 3,703 ราย คิดเป็นร้อยละ 88.48

• สายพันธุ์เดลตา (อินเดีย) จำนวน 348 ราย คิดเป็นร้อยละ 8.32 สายพันธุ์ดั้งเดิม (B.1 (dade G), B.1 (dade GH), B.1.1.1 (dade GR) จำนวน 98 ราย คิดเป็นร้อยละ 2.34

• สายพันธุ์เบตา (แอฟริกาใต้) จำนวน 26 ราย คิดเป็นร้อยละ 0.62

• สายพันธุ์ B.1.524 จำนวน 10 ราย คิดเป็นร้อยละ 0.24 ซึ่งข้อมูลต่างๆ นี้มีการประสานรายงานไปยังหน่วยงานต่างๆ เพื่อใช้ในการควบคุมเฝ้าระวังในพื้นที่ต่อไป

อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ให้ข้อมูลว่า จากข้อมูลรายงานขององค์กรสาธารณสุขประเทศอังกฤษ (Public Health England) และ WHO พบว่า

สายพันธุ์อัลฟา เป็นสายพันธุ์ที่มีการแพร่กระจายง่าย ทำให้เกิดการป่วยและเสียชีวิตได้มากกว่าสายพันธุ์ดั้งเดิม วัคซีนที่ใช้ในประเทศยังสามารถใช้ได้กับสายพันธุ์นี้ 

ส่วนสายพันธุ์เดลตาหรือสายพันธุ์อินเดีย พบว่ามีการแพร่กระจายได้เร็วกว่าสายพันธุ์อัลฟา อย่างไรก็ตาม ยังไม่พบว่ามีความรุนแรงมากกว่าสายพันธุ์อัลฟาแต่อย่างใด วัคซีนที่ใช้ในประเทศยังสามารถใช้ได้กับสายพันธุ์นี้ สายพันธุ์เบตา พบว่ามีการแพร่กระจายได้ช้ากว่าสายพันธุ์อื่น แต่ทำให้เกิดการป่วย และเสียชีวิตได้มากกว่าสายพันธุ์ดั้งเดิม

โดยข้อมูลล่าสุด (วันที่ 9 มิถุนายน 2564) มีการรายงานพบสายพันธุ์เดลตา ในจังหวัดต่างๆ จำนวน 348 ราย พบใน

• กรุงเทพมหานคร 318 ราย

• อุดรธานี 17 ราย

• สระบุรี 2 ราย

• นนทบุรี 2 ราย

• ขอนแก่น 2 ราย

• ชัยภูมิ 2 ราย

• พิษณุโลก 1 ราย

• ร้อยเอ็ด 1 ราย

• อุบลราชธานี 1 ราย

• บุรีรัมย์ 1 ราย

• สมุทรสาคร 1 ราย

การรายงานผลการเฝ้าระวังนี้จะเป็นประโยชน์ต่อหน่วยงานในประเทศ จังหวัด ชุมชน สำหรับเฝ้าระวังติดตามในจังหวัด รวมถึงเป็นข้อมูลในการรักษาโรค และเพื่อให้ประชาชนได้ป้องกันตนเอง โดยการสวมหน้ากาก ล้างมือบ่อยๆ เว้นระยะห่าง ยังคงมีความสำคัญในการป้องกันโรคนี้เช่นเดิม ไม่ว่าจะสายพันธุ์อะไร ซึ่งกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ยังเดินหน้าเฝ้าระวังสายพันธุ์ในประเทศร่วมกับเครือข่ายอย่างต่อเนื่อง และพร้อมให้ข้อมูลการเฝ้าระวังกับทุกหน่วย เพื่อประโยชน์ของประชาชนและประเทศชาติ

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

นักวิจัยในสกอตแลนด์เผย โอกาสน้อยมากที่ "วัคซีนแอสตร้าฯ" จะก่อภาวะลิ่มเลือดอุดตันในสมอง

เปิดหลักเกณฑ์จ่ายเยียวยา'แพ้วัคซีนโควิด'-ช่องทางยื่นคำร้อง เช็กที่นี

ยอดโควิดวันนี้ เสียชีวิตพุ่ง 43 คน ติดเชื้อเพิ่ม 2,310 ราย

พุ่งขึ้นอีก'โควิดชลบุรี'ติดเชื้อโควิดรายใหม่ 81 ราย ระบาดจากคลัสเตอร์เกษตรรวมใจ

ตลาดบางใหญ่ จังหวัดนนทบุรี ปิดตลาด (บางส่วน) 3 วัน พบผู้ติดเชื้อโควิด 20 ราย