วันนี้ (16 ธ.ค.63) ที่ สน.สำราญราษฎร์ นายพริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือ เพนกวิน แกนนำคณะราษฎร พร้อม นายนรเศรษฐ นาหนองตูม ทนายความศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน เข้าพบพนักงานสอบสวนตามหมายเรียกในข้อหาทำให้เสียทรัพย์ จากการชุมนุมที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตยเมื่อวันที่ 14 ตุลาคมที่ผ่านมา
นายพริษฐ์ กล่าวว่า วันนี้ตนมารับทราบข้อกล่าวหาฐานทำให้เสียทรัพย์ คาดว่ามาจากกรณีการชุมนุมทวงคืนอนุสาวรีย์ประชาธิปไตยในวันที่ 14 ตุลาคมที่ผ่านมา ซึ่งได้ระดมมวลชนให้ขึ้นไปนำกระถางต้นไม้บนฐานอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ออกมาวางไว้ข้างๆ เท่านั้น ไม่เข้าใจว่าเข้าข่ายการทำให้เสียทรัพย์อย่างไร
“คิดว่าเป็นการแจ้งข้อหาเพื่อสกัดขาให้ยุ่งเหยิง สร้างภาระในการต่อสู้คดี หากคดีไม่มีมูลขึ้นมา เจ้าหน้าที่จะรับผิดชอบอย่างไร ถ้ากล้าใช้อำนาจ ก็ต้องกล้ารับผิดชอบด้วย แต่ก็ไม่ทราบว่าตำรวจจะแจ้งข้อกล่าวหาอื่นหรือไม่ เนื่องจากวันนี้นายอานนท์ นำภา ถูกหมายเรียกในคดี ม.112 แม้ผมจะยังไม่ถูกแจ้งข้อหานี้ แต่ก็ไม่ทราบได้ อย่างไรก็ตาม ตนมองว่า ม.112 เป็นดาบที่บิ่นแล้ว เพราะถูกฟันหินมาหลายปี พอง้างจะฟันก็ไม่น่ากลัวแล้ว”
นายพริษฐ์ กล่าวอีกว่า เบื้องต้นตำรวจแจ้งความในความผิดตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉิน พ.ร.บ.ควบคุมโรค พ.ร.บ.การโฆษณาเครื่องขยายเสียง และ พ.ร.บ.จราจร นอกเหนือจากข้อหาทำให้เสียทรัพย์ ซึ่งทราบมาว่ากรุงเทพมหานคร ในฐานะผู้เสียหายได้ตีมูลค่าความเสียหายจากการขนต้นไม้ออกไปตั้งข้างๆ เป็นค่าปรับกว่า 2 แสนบาท ไม่ทราบว่าตั้งข้อหานี้ได้อย่างไร ซึ่งทางทนายความก็จะทำเรื่องตรวจสอบ ทั้งที่กระถางไม่แตก เพียงย้ายกระถางไปเท่านั้น
ขณะที่ นายไชยอมร แก้ววิบูลย์พันธุ์ หรือ แอมมี่ เดอะบอทท่อมบูลส์ ที่เดินทางมาพร้อมกัน ได้เข้ามารับทราบข้อกล่าวหาในคดีการชุมนุมสาดสีใส่ตำรวจ เมื่อวันที่ 28 สิงหาคม ที่ผ่านมา
นายไชยอมร กล่าวว่า ตอนนี้ตำรวจแจ้งข้อหาเพิ่มเติมในความผิดฐานทำร้ายเจ้าพนักงานระหว่างอยู่ในเรือนจำจากการชุมนุมวันดังกล่าว ซึ่งคาดว่าจะมาจากการที่ตนผลักเจ้าหน้าที่ ส่วนคดีเรื่องการสาดสีนั้น อัยการยังเห็นควรไม่สั่งฟ้องคดี จึงเลื่อนการพิจารณาออกไปในช่วงปี 2564