สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐ มีมติด้วยคะแนนเสียง 359 ต่อ 57 เสียง ผ่านร่างกฎหมายงบประมาณรายจ่ายชั่วคราว เมื่อคืนวันอังคาร (22 ก.ย. ตามเวลาสหรัฐ) เพื่อหลีกเลี่ยง การปิดหน่วยงานของรัฐบาลสหรัฐ (ชัตดาวน์) ก่อนที่งบประมาณรายจ่ายประจำปีจะหมดอายุลงในวันที่ 30 ก.ย.ที่จะถึงนี้
ร่างกฎหมายงบประมาณชั่วคราวดังกล่าวซึ่งจะถูกส่งให้กับวุฒิสภาสหรัฐพิจารณาเป็นลำดับต่อไปนั้น จะทำให้หน่วยงานของรัฐบาลกลางสหรัฐยังคงสามารถเปิดดำเนินการและมีงบประมาณใช้จ่ายไปจนถึงวันที่ 11 ธ.ค.ปีนี้ อีกทั้งยังทำให้สภาคองเกรสมีเวลามากพอที่จะตัดสินใจว่าควรจะผ่านกฎหมายงบประมาณประจำปีก่อนการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐในเดือนพ.ย.นี้หรือไม่
ขณะเดียวกัน นายชาร์ลส์ อีแวนส์ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาชิคาโก ได้ออกมาแสดงความเห็นเรียกร้องให้สภาคองเกรสให้การอนุมัติมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจชุดใหม่ หากไม่ต้องการเห็นเศณษฐกิจสหรัฐอเมริกาเข้าสู่ภาวะถดถอยอีกครั้ง
ทั้งนี้ นายอีแวนส์ ประธานเฟดสาขาชิคาโก กล่าวว่า สหรัฐเผชิญความเสี่ยงที่จะมีการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจที่ล่าช้า หรืออาจเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอยด้วยซ้ำ หากสภาคองเกรสไม่สามารถอนุมัติมาตรการทางการคลังในการเยียวยาชาวอเมริกันที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 โดยเขาคาดการณ์ว่าอัตราว่างงานในสหรัฐจะปรับตัวลงสู่ระดับ 5.5% ในช่วงปลายปีหน้า ทั้งยังคาดหมายว่า เฟดยังไม่น่าจะเพิ่มวงเงินในการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) อีกในเร็วๆนี้
ปัจจุบัน เฟดซื้อพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐวงเงิน 8 หมื่นล้านดอลลาร์/เดือน และซื้อตราสารหนี้ที่มีสินเชื่อที่อยู่อาศัยเป็นหลักประกันการจำนอง (MBS) ในวงเงิน 4 หมื่นล้านดอลลาร์/เดือนเพื่อรักษาเสถียรภาพในตลาดการเงิน
ประธานเฟดสาขาชิคาโกกล่าวสรุปทิ้งท้ายว่า สิ่งที่เป็นปัจจัยความไม่แน่นอนในระบบเศรษฐกิจสหรัฐขณะนี้ ได้แก่ นโยบายทางการคลัง การฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ และการควบคุมการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ให้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
IMF คาดโควิดฉุดศก.สหรัฐปีนี้หดตัว 6.6% เตือนอาจทรุดอีกหากระบาดไม่หยุด
เฟด-คลังสหรัฐจับมือ ร่วมกันพยุงเศรษฐกิจฝ่าวิกฤตโควิด