นับเป็นสัปดาห์แห่งข่าวดีเกี่ยวกับ การพัฒนาวัคซีนต้านโควิด-19 นับตั้งแต่ที่ ออสเตรเลียเริ่มผลิตวัคซีน ที่พัฒนาโดยมหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ดร่วมกับบริษัท แอสตร้าเซนเนก้า ของอังกฤษ เมื่อวันจันทร์ (9 พ.ย.) โดยตั้งเป้าผลิต 30 ล้านโดส ตามมาด้วยการประกาศแผน ยื่นจดทะเบียนวัคซีนของบริษัทไฟเซอร์ ผู้ผลิตยาของสหรัฐอเมริกาที่จับมือกับบริษัท ไบโอเอ็นเทค ของเยอรมนนี ร่วมพัฒนาวัคซีนจนได้ประสิทธิภาพมากกว่า 90% พร้อมยื่นจดทะเบียนสัปดาห์หน้าและจะเริ่มผลิต 50 ล้านโดสในปีนี้
ล่าสุดวันนี้ (10 พ.ย.) รัสเซีย ประกาศบ้างว่า วัคซีน“สปุตนิก วี” (Sputnik V) ที่เป็นผลงานการคิดค้นของศูนย์วิจัยระบาดวิทยาและจุลชีววิทยาแห่งชาติในกรุงมอสโก และได้รับการจดทะเบียนเป็นวัคซีนต้านโควิด-19 รายแรกของโลกเมื่อเดือนส.ค.ที่ผ่านมา ก็มีประสิทธิภาพในการป้องกันโควิดมากกว่า 90% เช่นเดียวกับวัคซีนของบริษัทไฟเซอร์และไบโอเอ็นเทค
นางออคซานา ดราพคินา ผู้อำนวยการสถาบันวิจัย ภายใต้กระทรวงสาธารณสุขของรัสเซีย กล่าวว่า “จากการสังเกตการณ์ของเราสปุตนิก วี มีประสิทธิภาพมากกว่า 90% เช่นกัน
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ทั้งนี้ ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย ประกาศเมื่อวันที่ 11 ส.ค.ว่าที่ผ่านมา รัสเซียเป็นประเทศแรกในโลกที่ให้การอนุมัติการจดทะเบียนวัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 แม้ว่าวัคซีนดังกล่าวใช้เวลาทดลองทางคลินิกกับมนุษย์ไม่ถึง 2 เดือน และขณะนั้นยังไม่มีการทดลองในเฟส 3 ขณะที่การทดลองทางคลินิกประสบความสำเร็จเพียง 10%
อย่างไรก็ดี เจ้าหน้าที่เปิดเผยว่า รัสเซียจะทำการเผยแพร่ผลการทดลองเฟส 3 ในเดือนนี้ และกำลังมีการทดลองวัคซีนต่ออาสาสมัครจำนวน 40,000 รายในกรุงมอสโก นอกจากวัคซีน “สปุตนิก วี” แล้ว เมื่อกลางเดือนต.ค.ที่ผ่านมา รัสเซียยังประกาศว่า ศูนย์การวิจัยแห่งรัฐเวกเตอร์ซึ่งเป็นศูนย์วิจัยทางชีววิทยาในเมืองโนวาซีบีร์สของรัสเซีย ได้จดทะเบียนวัคซีนต้านโควิดตัวที่สองที่มีชื่อว่า “เอพิวัคโคโรนา” และอาจจะมีวัคซีนตัวที่ 3 ตามมาในเร็ว ๆนี้ โดยเป็นผลงานการพัฒนาของศูนย์วิทยาศาสตร์สหพันธ์ชูมาคอฟในกรุงมอสโก ทำให้รัสเซียมีวัคซีนตัวเลือกมากมาย
ก่อนหน้านี้ นักวิทยาศาสตร์คาดหวังว่าวัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 จะมีประสิทธิภาพอย่างน้อย 75% ขณะที่นายแพทย์แอนโทนี ฟอซี ผู้อำนวยการสถาบันภูมิแพ้และโรคติดต่อแห่งชาติสหรัฐ และเป็นนายแพทย์ใหญ่ของคณะทำงานเฉพาะกิจด้านการควบคุมโรคโควิด-19 ของทำเนียบขาว เคยกล่าวว่า หากวัคซีนมีประสิทธิภาพ 50-60% ก็ถือว่ายอมรับได้แล้ว