นายแมทธิว เฮปเบิร์น หัวหน้าโครงการ “โอเปอเรชัน ว้าร์ป สปีด” (Operation Warp Speed) ซึ่งมีเป้าหมายให้ชาวอเมริกันมี วัคซีนต้านโควิด-19 ใช้ภายในสิ้นปี 2563 นี้ กล่าวว่า วัคซีนของบริษัทโมเดอร์นา อิงค์ มีความสะดวกในการจัดส่งไปยังพื้นที่ห่างไกลในชนบท เนื่องจากสามารถจัดเก็บได้ในอุณหภูมิที่ไม่ต่ำมาก
"วัคซีนของโมเดอร์นากำลังอยู่ในกระบวนการทดสอบภาวะเสถียร และเราสามารถเชื่อมั่นได้ว่าวัคซีนจะมีค่าเสถียรมากขึ้นเมื่อเสร็จสิ้นการทดสอบในระยะยาว" นายเฮปเบิร์นกล่าว
บริษัทโมเดอร์นา อิงค์ ซึ่งเป็นบริษัทเทคโนโลยีชีวภาพของสหรัฐ แถลงเมื่อวานนี้ (16 พ.ย. เวลาท้องถิ่นสหรัฐ) ว่า ผลการทดลองวัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 ในเฟสที่ 3 พบว่า วัคซีนดังกล่าวมีประสิทธิภาพในการป้องกันไวรัสโควิด-19 มากกว่า 94%
ทั้งนี้ โมเดอร์นาได้พัฒนาวัคซีนดังกล่าวร่วมกับสถาบันวิจัยโรคภูมิแพ้และโรคติดเชื้อแห่งชาติของสหรัฐ โดยมีอาสาสมัครเข้าร่วมโครงการจำนวน 30,000 ราย
จากข้อมูลของบริษัทพบว่า วัคซีนของทางบริษัทสามารถจัดเก็บในอุณหภูมิ 36-46 องศาฟาห์เรนไฮต์ ซึ่งเป็นอุณหภูมิในตู้เย็นมาตรฐานที่ใช้ในครัวเรือน และสามารถเก็บรักษาได้นาน 30 วัน และหากมีการจัดเก็บในอุณหภูมิ -4 องศาฟาห์เรนไฮต์ ก็จะมีอายุการจัดเก็บยาวนานขึ้นเป็น 6 เดือน
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
คุณสมบัติในการจัดเก็บวัคซีนของโมเดอร์นาถือว่าดีกว่าวัคซีนของไฟเซอร์ ซึ่งจำเป็นต้องจัดเก็บในอุณหภูมิ -94 องศาฟาห์เรนไฮต์ ทำให้ผู้เชี่ยวชาญมีความกังวลเกี่ยวกับการจัดส่งวัคซีนของไฟเซอร์ซึ่งต้องใส่ในภาชนะพิเศษ
ทั้งนี้ จากความสำเร็จในการพัฒนาวัคซีนต้านโควิด-19 ทั้งของบริษัท โมเดอร์นา และบริษัท ไฟเซอร์ ที่มีผลการทดสอบทางคลีนิกในขั้นที่ 3 เกินกว่า 90% ทั้งสองราย ทำให้สำนักงานอาหารและยาสหรัฐ (FDA) เตรียมเร่งกระบวนการให้การอนุมัติวัคซีนต้านโควิด-19 ของทั้งสองรายดังกล่าวสำหรับการใช้ในกรณีฉุกเฉิน ในเร็ว ๆนี้ โดย FDA ได้ส่งเจ้าหน้าที่ให้ไปทำงานร่วมกับโมเดอร์นาและไฟเซอร์เพื่อขจัดกฎระเบียบทางราชการที่ไม่จำเป็น และใกล้ที่จะอนุมัติคำขอใช้วัคซีนของบริษัททั้งสองแล้ว ซึ่งทาง FDA จะดำเนินการอย่างรวดเร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ โดยจะต้องสอดคล้องทั้งกับหลักวิทยาศาสตร์ หลักฐาน และข้อกฎหมาย