อาคารรัฐสภาสหรัฐ ถูกสั่งปิดเป็นการชั่วคราวเป็นระยะเวลากว่า 1 ชั่วโมงวานนี้ (18 ม.ค.) หลังจากที่เกิดเหตุไฟไหม้จุดพักพิงคนจรจัดในบริเวณใกล้เคียงซึ่งทำให้เจ้าหน้าที่ตัดสินใจสั่งปิดพื้นที่ และให้สมาชิกรัฐสภาและบุคลากร หลบอยู่ในที่ปลอดภัยขณะที่เจ้าหน้าที่ตรวจสอบเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น หน่วยอารักขาความปลอดภัยประธานาธิบดีสหรัฐ (US Secret Service) กล่าวผ่านทางทวิตเตอร์ว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น "ไม่ก่อให้เกิดอันตรายต่อประชาชน" ขณะที่หน่วยดับเพลิงทวีตข้อความว่า เจ้าหน้าที่สามารถควบคุมเพลิงซึ่งเกิดขึ้นใกล้กับบริเวณของอาคารรัฐสภาได้แล้วโดยที่ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บ หลังจากนั้นไม่นานก็ประกาศยกเลิกคำสั่งปิดพื้นที่อาคารรัฐสภา
เหตุการณ์ดังกล่าวสะท้อนให้เห็นถึงความตึงเครียดที่เกิดขึ้นท่ามกลางมาตรการเฝ้าระวังและรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มข้นในสถานที่สำคัญ ๆ ทั่วเมืองหลวงของสหรัฐอเมริกา ขณะที่เหลือเวลาอีกเพียง 1 วันก่อนที่นายโจ ไบเดน จะทำ พิธีสาบานตนเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีคนที่ 46 ของสหรัฐ ในวันพุธที่ 20 ม.ค.นี้ ท่ามกลางการรักษาความปลอดภัยแน่นหนาเพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์ซ้ำรอยกรณีที่กลุ่มผู้สนับสนุนประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ บุกเข้าไปก่อเหตุจลาจลในอาคารรัฐสภาเมื่อวันที่ 6 ม.ค. จนส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตหลายรายด้วยกัน
เจ้าหน้าที่จากหน่วยพิทักษ์มาตุภูมิหรือหน่วย National Guard ซึ่งปฏิบัติหน้าที่กึ่งทหาร จำนวนหลายร้อยนายยังคงประจำการเฝ้าระวังรักษาความปลอดภัยบริเวณฝั่งตะวันออกของอาคารรัฐสภา ขณะที่ราว 25,000 นายได้รับมอบหมายให้เข้าประจำการเพื่อรักษาความสงบเรียบร้อยในกรุงวอชิงตัน ดีซี ให้พิธีสาบานตนเข้ารับตำแหน่งของนายโจ ไบเดน ในวันพุธนี้ (20 ม.ค.) เป็นไปด้วยความสงบเรียบร้อยและราบรื่น โดยสำนักงานสอบสวนกลาง หรือ FBI ของสหรัฐได้ทำการตรวจและคัดกรองเจ้าหน้าที่พิทักษ์มาตุภูมิทุกนายที่เข้ามาประจำการ หลังจากที่มีสัญญาณเตือนว่าอาจมีการโจมตีก่อเหตุร้ายจากคนวงใน
นายไรอัน แมคคาร์ธี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกองทัพบกสหรัฐ ซึ่งเป็นตำแหน่งข้าราชการพลเรือนอาวุโสในกระทรวงกลาโหมสหรัฐ เปิดเผยวานนี้ (18 ม.ค.) ว่า มีรายงานจากหน่วยข่าวกรองว่ามีกลุ่มคนภายนอกที่เป็นกลุ่มติดอาวุธกำลังวางแผนก่อเหตุความวุ่นวายก่อนที่จะมีพิธีสาบานตนรับตำแหน่งประธานาธิบดี แต่การคัดกรองและตรวจตราเจ้าหน้าที่หน่วยพิทักษ์มาตุภูมิที่เข้ามาประจำการด้วยนั้นก็เป็นส่วนหนึ่งของมาตรการรักษาความปลอดภัยที่จะต้องมีความละเอียดรอบคอบ
ทางด้านนายโจ ไบเดน และนางจิล ภริยา ว่าที่ประธานาธิบดีและสุภาพสตรีหมายเลขหนึ่ง ข่าวระบุว่า ทั้งคู่ใช้เวลาเมื่อวานนี้ (18 ม.ค.) ทำงานอาสาสมัครอยู่ในธนาคารอาหารที่เมืองฟิลาเดลเฟีย รัฐเพนซิลวาเนีย แต่หลังจากนั้นก็จะเดินทางสู่กรุงวอชิงตัน ดีซี ในวันอังคาร (19 ม.ค. ) ตามเวลาท้องถิ่นสหรัฐ เพื่อเตรียมตัวเข้าพิธีสาบานตนในวันพุธ
พิธีสาบานตนเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีในครั้งนี้ นับเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์สหรัฐที่พิธีได้ถูกลดทอนขนาดลงอย่างมากและจะมีการทำพิธีหลายส่วนผ่านทางระบบออนไลน์ ทั้งนี้ เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในสหรัฐอเมริกา ทางการได้ออกแถลงขอความร่วมมือให้ประชาชนเฝ้าดูพิธีการดังกล่าวนี้อยู่ที่บ้านโดยดูผ่านสื่อช่องทางต่าง ๆ ไม่ต้องมาร่วมพิธีในสถานที่จริงเหมือนที่เคยเป็นมา ทั้งนี้จะมีการถ่ายทอดการแสดงของวงดนตรีและกลุ่มริ้วขบวนของรัฐต่าง ๆ ทั้ง 50 รัฐของสหรัฐ
หนึ่งในหมายกำหนดการที่มีการกล่าวถึงคือ เมื่อเดินทางมาถึงกรุงวอชิงตัน ดีซีในวันนี้ (19 ม.ค.) ตามเวลาท้องถิ่นสหรัฐ นายโจ และนางจิล ไบเดน พร้อมทั้งนางคามาลา แฮร์ริส ว่าที่รองประธานาธิบดี และนายดักลาส เอ็มฮอฟฟ์ สามี จะทำพิธีเปิดไฟ 400 ดวงริมสระน้ำซึ่งเป็นสระยาวด้านหน้าอนุสรณ์สถานลินคอล์น เมมโมเรียล เพื่อรำลึกถึงชาวอเมริกันเกือบ 400,000 คนที่ต้องเสียชีวิตไปหลังติดเชื้อโควิด-19
สถานที่สำคัญอื่น ๆ ทั่วประเทศสหรัฐ รวมทั้งอาคารเอ็มไพร์สเตทในนิวยอร์ก และหอคอยสเปซ นีดเดิลในเมืองซีแอทเทิล จะประดับไฟและติดไฟพร้อม ๆกันทั่วประเทศเพื่อร่วมฉลองพิธีสำคัญนี้เช่นเดียวกับที่อนุสรณ์สถานเนชั่นแนล มอลล์ ใจกลางกรุงวอชิงตัน ดีซี
เคท เบดิงฟีลด์ ว่าที่ผู้อำนวยการฝ่ายการสื่อสารของนายโจ ไบเดน ให้สัมภาษณ์สื่อเมื่อวานนี้ (18 ม.ค.) ว่า นายไบเดนจะทำพิธีสาบานตนรับตำแหน่งที่อาคารรัฐสภาตามธรรมเนียมปฏิบัติ โดยในช่วงเที่ยงวันของวันพุธที่ 20 ม.ค. เขาจะกล่าวสาบานตนโดยวางมือลงบนพระคัมภีร์ไบเบิล รายล้อมด้วยบุคคลในครอบครัว บริเวณด้านหน้าอาคารรัฐสภาฝั่งตะวันตก โดยคำกล่าวสาบานตนตามที่ระบุไว้ในรัฐธรรมนูญสหรัฐนั้น มีข้อความดังนี้
“ข้าพเจ้าขอสาบานอย่างหนักแน่นว่า จะปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่งประธานาธิบดีแห่งสหรัฐอเมริกาด้วยความสุจริต และจะพยายามอย่างสุดความสามารถเพื่อธำรงพิทักษ์ และปกปักรักษารัฐธรรมนูญแห่งสหรัฐอเมริกา”
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
เปิดนโยบาย "โจ ไบเดน"(Joe Biden) ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐคนที่ 46
วิเคราะห์นโยบายรัฐบาล 'โจ ไบเดน' ต่อเอเชีย เหมือนเดิมหรือเปลี่ยนไป?
โจ ไบเดนประกาศแล้ว “ดรีมทีมเศรษฐกิจ”