หอการค้าไทย สั่งลุยเกษตร-อาหารมูลค่าสูง เคลื่อนเศรษฐกิจเข้มแข็ง

06 ก.ย. 2564 | 05:52 น.
อัปเดตล่าสุด :06 ก.ย. 2564 | 13:19 น.

หอการค้าฯ หนุนเกษตรและอาหารไทยเดินหน้าสร้างความร่วมมือ Connect the dotsผลักดันสู่เกษตรอาหารมูลค่าสูง ต่อยอดจุดแข็งประเทศเคลื่อนเศรษฐกิจไทยเข้มแข็ง สู่ BCG Economy

นายสนั่น  อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย เปิดเผยภายหลังการประชุมกับคณะกรรมการสายงานเกษตรและอาหาร เพื่อติดตามความคืบหน้าและฟังเสียงสะท้อนแนวทางการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ ภายใต้สถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ว่า คณะกรรมการสายงานเกษตรและ กำลังดำเนินการอย่างเต็มที่ตามแผนงานที่วางไว้ เพื่อมาสร้างโอกาสให้เกษตรและอาหารในอนาคต พร้อมเชื่อมโยงความร่วมมือไปยังภาครัฐ ภาคเอกชน และเกษตรกร ตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ เพื่อสร้างเกษตรกรให้เป็น Smart Farmer และผลักดันให้ภาคเกษตรและอาหารของประเทศไทยสู่เกษตรอาหารมูลค่าหอการค้าเชื่อว่าจะสามารถประคับประคองเศรษฐกิจของประเทศ โดยเฉพาะในด้านเกษตรและอาหารซึ่งเป็นจุดแข็งของประเทศ ให้สามารถเดินหน้าต่อไปได้ และถือเป็นการสร้างรากฐานที่เข้มแข็งให้กับประเทศไทยในอนาคต

หอการค้าไทย สั่งลุยเกษตร-อาหารมูลค่าสูง  เคลื่อนเศรษฐกิจเข้มแข็ง

นายชูศักดิ์  ชื่นประโยชน์ ประธานคณะกรรมการเพิ่มมูลค่าพืชเกษตร กล่าวว่า ภาคเกษตรเป็น ภาคเศรษฐกิจสำคัญของไทย โดยมีประชากรที่อยู่ในภาคเกษตรจำนวนมากถึง 27 ล้านคน และมีพื้นที่การเกษตร 149 ล้านไร่ เป็นพื้นที่ปลูกข้าวถึง 71 ล้านไร่ หรือคิดเป็นร้อยละ 47.6 ของพื้นที่การเกษตรทั้งหมด รองลงมาคือพื้นที่ปลูก ยางพารา อ้อย มันสำปะหลัง ข้าวโพด ปาล์มน้ำมัน และพืชอื่น ๆ ดังนั้น แนวทางหนึ่งที่สำคัญและเร่งด่วนในการเพิ่มผลิตภาพและมูลค่าต่อหน่วยพื้นที่ทางการเกษตร

คือ การปรับเปลี่ยนไปสู่การปลูกพืชที่มีมูลค่าทางเศรษฐกิจสูงคณะกรรมการฯ ได้ส่งเสริมให้เกษตรกรไทยปรับเปลี่ยนแนวคิดการทำเกษตรแบบดั้งเดิม ไปสู่การเกษตรที่มีมูลค่าสูง มุ่งเน้นให้มีการปรับปรุงวิธีการปลูก การแปรรูป การตลาด และมาตรฐาน

 

ตลอดทั้งห่วงโซ่อุปทาน ผ่านรูปแบบ Model Success Case ภายใต้แนวคิด “เกษตรไทย เกษตรเท่ สู่การสร้างเกษตรมูลค่าสูง” ซึ่งมีตัวอย่างหลายโมเดล เช่น หน่อไม้ฝรั่ง กาแฟ โกโก้ เมล่อนญี่ปุ่น ประมงน้ำจืดระบบ Biofloc เป็นต้น

นอกจากนั้น ยังได้เข้าไปร่วมทำงานอย่างจริงจังกับหน่วยงานภาครัฐ โดยกำหนดเป้าหมายปรับเปลี่ยนพื้นที่ให้ได้ร้อยละ 10 ในกรอบระยะเวลาตามยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี (พ.ศ.2561-2580) ควบคู่ไปกับการยกระดับไปสู่เกษตรสมัยใหม่ที่มีมูลค่าสูง เป็นการทำเกษตรอัจฉริยะ (Smart Farming) และเกษตรแม่นยำ (Precision Farming) ซึ่งจะทำให้ประเทศมีรายได้จากพื้นที่ร้อยละ 10 สูงกว่าพื้นที่ที่เหลืออีกร้อยละ 90 โดยวางแนวทางการทำงาน 2 ลักษณะ ดังนี้

1) การขับเคลื่อนเชิงพื้นที่ (Area Base) ระยะแรกได้เลือกจังหวัดราชบุรีเป็นพื้นที่เป้าหมายในการพัฒนาให้เป็นจังหวัดต้นแบบการทำเกษตรมูลค่าสูง หรือ “ราชบุรีโมเดล” เนื่องจากเป็นจังหวัดที่มีศักยภาพด้านการเกษตร เลือกสินค้าเกษตร 6 ชนิด ได้แก่ มะพร้าวน้ำหอม อ้อยโรงงาน โคนม สุกร กุ้งก้ามกราม และเกษตรปลอดภัย-เกษตรอินทรีย์ (พืชผัก) เป็นสินค้าเป้าหมายในการพัฒนา

2) การขับเคลื่อนรายสินค้า (Product Base) เป็นการส่งเสริมพัฒนาสินค้าเกษตรที่มีอนาคตเป็นที่ต้องการของตลาด เนื่องจากประเทศไทยมีศักยภาพในการผลิต และมีผู้ประกอบการที่มีรูปแบบการพัฒนาที่ประสบความสำเร็จ (Success Model) และสามารถเข้าไปช่วยพัฒนาต้นทางห่วงโซ่คุณค่าของสินค้าเกษตรนั้น ๆ ได้ ซึ่งในระยะแรกได้เลือกสินค้าเกษตร 6 ชนิด ได้แก่ กาแฟ (น่าน), จิ้งหรีด (สุโขทัย), ประมงน้ำจืดระบบ Biofloc (สกลนคร), โคเนื้อ (สุรินทร์/ศรีสะเกษ), พืชผักปลอดภัย-พืชผักอินทรีย์ (นครปฐม/อำนาจเจริญ) และผลไม้ (จันทบุรี/ นครศรีธรรมราช/ ชุมพร)

 

 

หอการค้าไทย สั่งลุยเกษตร-อาหารมูลค่าสูง  เคลื่อนเศรษฐกิจเข้มแข็ง

ด้านนายวิศิษฐ์ ลิ้มลือชา ประธานคณะกรรมการธุรกิจอาหารแปรรูปและอาหารแห่งอนาคต กล่าวว่า ไทยในช่วงโควิด-19 นอกจากต้องเพิ่มความสามารถในการแข่งขันผลิตสินค้าที่ทำตลาดได้ดีอยู่แล้ว จำเป็นต้องมองหาสินค้าใหม่ ๆ เพื่อยกระดับเศรษฐกิจที่กำลังถดถอย ดังนั้น อาหารแห่งอนาคต (Future Food) และพืชแห่งอนาคต (Future Crop) คือคำตอบที่ไขประตูแห่งอนาคตสำหรับไทย สำหรับอาหารแห่งอนาคตที่กำลังเป็นกระแสการบริโภคขณะนี้ คืออาหารที่ใช้โปรตีนจากพืช ผลิตเป็นอาหารเชิงสุขภาพ หากพิจารณาประมาณการมูลค่าทางเศรษฐกิจของอาหารกลุ่ม Future Food ระหว่างปี 2565–2569 คาดว่า จะมีมูลค่ากว่า 111,100 ล้านบาท ประกอบด้วย 1) Future Food consumer Packaged Good (มูลค่ารวมกว่า 61,100 ล้านบาท) มีสินค้าที่โดดเด่นคือ กลุ่มสินค้า Whole Food, อาหาร Function, อาหารโปรตีนจากพืช, ผงโปรตีนจากแมลง และ 2) Premium     Pet Food (มูลค่ารวมกว่า 50,000 ล้านบาท) ได้แก่ อาหารสัตว์เสริมโภชนาการ

ทั้งนี้ เพื่อสนับสนุนให้ผู้ประกอบการมีขีดความสามารถในการแข่งขัน คณะกรรมการธุรกิจอาหารแปรรูปและอาหารแห่งอนาคต ได้เตรียมโครงการเพื่อสนับสนุน อบรม ยกระดับสมาชิกทั่วประเทศ เช่น โครงการ Online Clinic All About Food: ปั้นนักธุรกิจอาหารสู่โอกาสแห่งความสำเร็จ โครงการ Future Food Forum   โครงการ PFC Food News: นำเสนอข่าวสารวงการอาหารแปรรูปและอาหารแห่งอนาคต เป็นต้น

“ภายใต้นโยบาย Connect the dots ได้ทำงานเชื่อมโยงทั้งหน่วยงานต่าง ๆ เพื่อร่วมกันสร้างเครือข่ายผู้ประกอบการที่เข้มแข็ง อาทิ ความร่วมมือกับกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ เพื่อสนับสนุนผู้ประกอบการอาหารแปรรูปและอาหารแห่งอนาคตไทยส่งออกสินค้าสู่ตลาดต่างประเทศ หรือหารือกับทูตพาณิชย์ในต่างประเทศ เพื่อช่วยให้ผู้ประกอบการไทยได้มีโอกาสในการค้าและลงทุนเพิ่มมากขึ้น นอกจากนั้น ยังมีกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่ทำอาหารแปรรูปและอาหารแห่งอนาคต หรือกลุ่ม FoodConnext เพื่อร่วมมือและแลกเปลี่ยนองค์ความรู้และขับเคลื่อนการดำเนินงานร่วมกันต่อไป” นายวิศิษฐ์ กล่าว

หอการค้าไทย สั่งลุยเกษตร-อาหารมูลค่าสูง  เคลื่อนเศรษฐกิจเข้มแข็ง

นายสมบัติ  ธีระตระกูลชัย ประธานคณะกรรมการธุรกิจปศุสัตว์และแปรรูป กล่าวว่า โคเนื้อซึ่งเป็นสัตว์เศรษฐกิจที่สำคัญและมีโอกาสเติบโตได้มากในอนาคต ระยะเวลาที่ผ่านมากว่า 5 ปี โครงการส่งเสริมเกษตรกรกลุ่มผู้เลี้ยงโคเนื้อ จังหวัดสุรินทร์ และจังหวัดศรีสะเกษ ผ่านโครงการเพื่อส่งเสริมเกษตรผู้เลี้ยงโคเนื้อแบบประณีต ซึ่งสามารถช่วยให้เกษตรกรยกระดับรายได้ของตนเอง และมีเกษตรตัวอย่างที่สามารถทำรายได้ 1 ไร่ 1 ล้านแล้ว และคณะกรรมการฯ ตั้งใจจะขยายผลโครงการไปยังหอการค้าจังหวัดและเกษตรกรในกลุ่มจังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง 1 และ 2 โดยเน้นให้มีการปรับปรุงวิธีการผลิต การแปรรูป การตลาด และมีระบบมาตรฐานการผลิตที่ดี ตลอดทั้ง Value Chain

นายชนินทร์  ชลิศราพงศ์ ประธานคณะกรรมการธุรกิจประมงและอุตสาหกรรมต่อเนื่อง กล่าวว่า ธุรกิจประมงของไทยเป็นอุตสาหกรรมที่มีศักยภาพและมีความสามารถในการแข่งขันระดับโลก มีมูลค่าการส่งออกประมาณ 3 แสนล้านบาทต่อปี ถึงแม้สถานการณ์โควิด-19 ที่มีการแพร่ระบาดอย่างรุนแรงทั้งในประเทศและต่างประเทศ อุตสาหกรรมต่าง ๆ ได้รับผลกระทบจนต้องหยุดชะงักและปิดตัวลง แต่จะเห็นได้ว่าในภาคธุรกิจประมง      และอุตสาหกรรมต่อเนื่องยังคงสามารถผลิต พร้อมส่งออกสินค้าและผลิตภัณฑ์ต่อไปได้ เนื่องด้วยประสบการณ์     ความรู้ ความสามารถ และเทคโนโลยีด้านการผลิตและแปรรูปอาหารที่ทันสมัย รวมทั้งการสร้างความมั่นใจ   ในด้านกระบวนการผลิตอาหารที่มีประสิทธิภาพปราศจากเชื้อทุกขั้นตอน