นายสิทธิชัย ลีสวัสดิ์ตระกูล ประธานคณะกรรมการบริหารและผู้ก่อตั้ง บริษัท มิลล์คอน สตีล จำกัด (มหาชน) หรือ MILL หนึ่งในผู้ผลิตและจำหน่ายเหล็กครบวงจร เผยถึง แผนยุทธศาสตร์ของกลุ่มมิลล์คอนในปี 2565 ว่า บริษัทยังให้ความสำคัญกับการดำเนินธุรกิจเหล็ก และต่อยอดไปในธุรกิจที่จะสร้างมูลค่าเพิ่ม เน้นแนวทางการดำเนินธุรกิจแบบเศรษฐกิจหมุนเวียน หรือ Circular Economy ทำธุรกิจที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและลดโลกร้อน ซึ่งถือเป็นเทรนด์ใหญ่ของโลก และที่ผ่านมากลุ่มมิลล์คอนได้มีการปรับตัว และให้ความสำคัญมาโดยตลอด เพราะถือเป็นหัวใจสำคัญที่จะช่วยขับเคลื่อนให้บริษัทเดินไปสู่เป้าหมายใหญ่คือการเป็น Green Steel ในที่สุด
นอกจากการผลิตเชิงเศรษฐกิจหมุนเวียน เพื่อลดปริมาณของเสียแล้ว บริษัทยังมีการปรับปรุงกระบวนการผลิตทุกขั้นตอน เพื่อลดปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ตั้งแต่การผลิต การขนส่ง การใช้ผลิตภัณฑ์ของผู้บริโภค กระทั่งถึงขั้นตอนการนำกลับมาใช้ใหม่อีกครั้ง
ปัจจุบันแนวทางการดำเนินธุรกิจแบบ Circular Economy เป็นทิศทางที่ผลักดันให้ธุรกิจเติบโตอย่างยั่งยืน ซึ่งที่ผ่านมาบริษัทได้เริ่มดำเนินการไปบางส่วนแล้ว เช่น การคัดแยกเหล็กและยางรถยนต์ โดยนำเศษเหล็กไปผลิตเหล็กเพื่อนำกลับไปใช้ใหม่ ส่วนยางก็สามารถนำไปเป็นเชื้อเพลิงสำหรับผลิตไฟฟ้าได้ ลดการสูญเสีย และสร้างรายได้เพิ่มให้กับธุรกิจ
ด้านนายประวิทย์ หอรุ่งเรือง กรรมการผู้จัดการใหญ่ MILL กล่าวว่า กระบวนการผลิตของบริษัทได้มีการรองรับแนวทางการดำเนินธุรกิจแบบเศรษฐกิจหมุนเวียน หรือ Circular Economy เรียบร้อยแล้ว จะส่งผลดีต่อภาพรวมผลการดำเนินงานของบริษัทให้มีการเติบโตอย่างต่อเนื่องและยั่งยืน และพร้อมที่จะเดินไปสู่การเป็น Green Steel เต็มรูปแบบ โดยผลการดำเนินงานในปี 2565 บริษัทคาดว่าจะมีกำไรสุทธิต่อเนื่อง จากไตรมาส 3/2564 ที่บริษัทมีรายได้รวม 2,580 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 54 ล้านบาทหรือ 2% ขณะที่มีกำไรสุทธิ 227 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 222 ล้านบาท หรือ เพิ่มขึ้น 4,374% เนื่องจากประเมินว่าภาพรวมเศรษฐกิจจะเริ่มฟื้นตัวจากการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ หลังจากที่มีสถานการณ์โควิด-19 เริ่มคลี่คลายและบริษัทมีความพร้อมในการแข่งขัน
นอกจากนี้แนวโน้มราคาเหล็กในตลาดโลกมีโอกาสปรับตัวเพิ่มขึ้น จากสถานการณ์อุตสาหกรรมเหล็กในประเทศจีนที่มีนโยบายปิดโรงงานที่ไม่ได้มาตรฐาน และยกเลิกนโยบายคืนภาษีส่งออก (Tax rebate) ส่งผลให้ราคาเหล็กในตลาดโลกยังมีแนวโน้มปรับตัวสูงเพิ่มขึ้น
ขณะที่นายศุภมงคล มาโนช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารร่วมบริษัท ซันเทค รีไซเคิล แอนด์ ดีคาร์บอน จำกัด ซึ่งเป็นลูกของบริษัท มิลล์คอน สตีล จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า บริษัทได้ให้ความสำคัญกับการดูแลสิ่งแวดล้อมและลดโลกร้อน จากเดิมที่บริษัทดำเนินธุรกิจบริหารจัดการเศษเหล็กและซื้อขายเศษเหล็ก โดยเป้าหมายหลักคือการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ทั้งนี้บริษัทต้องการจะเป็นศูนย์กลาง carbon credit ของกลุ่มบริษัทในเครือมิลล์คอน สตีล นอกจากนี้ต้องมองหานวัตกรรมใหม่ ๆ ที่จะช่วยสนับสนุนการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์
อย่างไรก็ตามการดำเนินธุรกิจเดิมของบริษัทในการบริหารจัดการเศษเหล็ก บริษัทนำเทคโนโลยีของเครื่องจักรมาใช้บริหารจัดการเศษเหล็ก สามารถบดย่อยเศษเหล็กให้มีขนาดเล็กลง ก่อนส่งเข้าสู่กระบวนการหลอม เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและเป็นการประหยัดพลังงานในการหลอม (Recycle Process) เหล็กที่ได้จะถูกปรุงแต่งให้มีความบริสุทธิ์ก่อนนำกลับมาใช้ใหม่อีกครั้ง ส่วนชิ้นส่วนอื่นที่ไม่ใช่เหล็ก เช่น พลาสติก วัสดุยาง ที่ถูกคัดแยกสามารถนำไปใช้เป็นเชื้อเพลิงผลิตพลังงาน ซึ่งเป็นกระบวนการที่สามารถลดขยะที่เป็นมลภาวะต่อสิ่งแวดล้อมตามหลัก Zero waste ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ด้านนายทวันทว์ บุณยะวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เดอะ เมกะวัตต์ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนของ บริษัท มิลล์คอน สตีล จำกัด (มหาชน) กล่าวเสริมว่า การดำเนินธุรกิจของบริษัทจะช่วยสนับสนุนในการหาพลังงานสะอาดให้กับกลุ่มมิลล์คอน เพื่อช่วยลดต้นทุนค่าใช้จ่ายด้านพลังงาน รวมทั้งรักษาสิ่งแวดล้อม โดยล่าสุดได้มีการติดตั้งแผงโซลาร์รูฟท็อปในโรงงานเหล็ก เริ่มต้นเฟสแรกไปแล้วประมาณ 4 เมกกะวัตต์ นอกจากนี้ก็มีแผนที่จะไปรับเชื้อเพลิงที่ผลิตจากบริษัท ซันเทค รีไซเคิล แอนด์ ดีคาร์บอน จำกัด มาเพื่อเป็นแหล่งพลังงานป้อนเข้าสู่โรงไฟฟ้าขยะอุตสาหกรรม ซึ่งขณะนี้กำลังอยู่ในระหว่างการศึกษาและเตรียมความพร้อม