โครงการช้อปดีมีคืน 2565 และ คนละครึ่งเฟส 4 มาตรการที่รัฐบาลเตรียมนำมากระตุ้นการใช้จ่ายในประเทศและเศรษฐกิจไทยในปี 2565 โดยมาตรการช้อปดีมีคืน 2565 รัฐคาดจะช่วยทำให้เกิดเม็ดเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจเพิ่มขึ้นประมาณ 42,000 ล้านบาท และเมื่อรวมกับโครงการคนละครึ่งเฟส 4 ทำให้เกิดเม็ดเงินหมุนเวียนทางเศรษฐกิจไม่น้อยกว่า 200,000 ล้านบาท ทำให้ผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ หรือจีดีพีเพิ่มขึ้นราว 0.60% ทั้งยังเป็นการส่งเสริมให้ผู้ประกอบการ ทั่วไปเข้าสู่ระบบภาษีมูลค่าเพิ่ม ( VAT ) เพิ่มขึ้นอีกด้วย
วัตถุประสงค์โครงการช้อปดีมีคืน 2565
หลักเกณฑ์เงื่อนไขของผู้ใช้สิทธิช้อปดีมีคืน
ช้อปดีมีคืน 2565 เริ่มเมื่อไร
การลงทะเบียน
โครงการคนละครึ่งเฟส 4
มาตรการคนละครึ่งเฟส 4 มติที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบโดยจะเริ่มในเดือนมีนาคม - เมษายน 2565 ( คาดเริ่มวันที่ 1 มีนาคม 2565 )
เงื่อนไขและสิทธิประโยชน์ที่ได้รับ
ช้อปดีมีคืน VS คนละครึ่งเฟส 4 เหมาะกับใคร
จากเงื่อนไขดังกล่าวจะเห็นว่า มาตรการคนละครึ่งเฟส 4 เป็นมาตรการกระตุ้นการใช้จ่าย ไม่มีเรื่องของภาษีเงินได้เข้ามาเกี่ยวข้อง จึงไม่ได้รับสิทธิประโยชน์จากการลดหย่อนภาษี เหมาะกับผู้มีฐานรายได้สุทธิต่อปี ไม่เกิน 500,000 บาท หรือมีอัตราภาษีต่ำกว่า 10% (บนสมมติฐานว่า มาตรการคนละครึ่งเฟส 4 รัฐบาลช่วยจ่ายให้รายละ 3,000 บาท )
ขณะที่"ช้อปดีมีคืน" วัตถุประสงค์กระตุ้นกำลังซื้อภายในประเทศ โดยให้ผู้ซื้อค่าสินค้าและค่าบริการสามารถนำรายจ่ายมาลดหย่อนได้สูงสุด 30,000 บาท ดังนั้นผู้ที่มีรายได้สุทธิต่อปี หรือฐานอัตราภาษียิ่งสูง จะยิิ่งได้สิทธิประโยชน์ เหมาะกับผู้มีเงินได้สุทธิต่อปีเกิน 500,000 บาท หรืออัตราภาษีตั้งแต่ 10% ขึ้นไป (บนสมมติฐานว่ามาตรการคนละครึ่งเฟส 4 รัฐบาลช่วยจ่ายให้รายละ 3,000 บาท)
ช้อปปิ้งเต็มจำนวน 30,000 บาท ได้สิทธิคืนภาษีเท่าไร
ส่วนกรณีผู้ที่ซื้อสินค้าไม่ครบเต็มจำนวน 30,000 บาท ก็จะได้รับการลดหย่อนภาษีลดหลั่นกันไปตามจำนวนเงินที่ซื้อจริง และฐานอัตราภาษี เช่น นาย A มีรายได้สุทธิ 200,000 บาทต่อปี อยู่ในเกณฑ์อัตราภาษี 5% หากซื้อสินค้า 15,000 บาท จะมีสิทธิได้ลดหย่อนภาษีเท่ากับ 750 บาท เป็นต้น
อย่างไรก็ดีคงต้องดูรายละเอียดทั้งมาตรการ "ช้อปดีคืน" และ"คนละครึ่งเฟส 4 " ซึ่งคาดว่ากระทรวงการคลัง จะประกาศเงื่อนไขรายละเอียดความชัดเจน ในเร็ว ๆ นี้.