5 สินค้าเกษตรเด่น ตัวช่วยขับเคลื่อนส่งออกไทย ฝ่าวิกฤติยูเครน

 

การส่งออกไทยช่วง 2 เดือนแรกปี 2565  (ม.ค.-ก.พ.) มีมูลค่า 44,741 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ  ขยายตัว 12.2% โดยเดือนมกราคมมูลค่า 21,258.6 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ  ขยายตัว 8% และเดือนกุมภาพันธ์ มูลค่า 23,483 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯขยายตัว 16.2% ซึ่งหากดูเฉพาะ 2 เดือนแรกถือว่าทำได้ไม่เลวทีเดียว

 

อย่างไรก็ตามทิศทางส่งออกไทยในเดือนที่เหลือปีนี้ยังน่าห่วง เพราะยังมีปัจจัยเสี่ยงอยู่มากโดยปัจจัยเสี่ยงมากสุดคือ สงครามรัสเซีย-ยูเครนที่ยังยืดเยื้อฉุดเศรษฐกิจ การค้าโลกขยายตัวลดลง ปัจจัยต่าง ๆ ที่เป็นต้นทุนการผลิตต่างปรับตัวสูงขึ้น ทั้งราคาน้ำมัน ค่าขนส่ง ค่าระวาง ปุ๋ยเคมี วัตถุดิบอาหารสัตว์ แผ่นเหล็กใช้ทำกระป๋อง น้ำมันพืช น้ำตาล ฯลฯ ต่างปรับตัวสูงขึ้น ดันเงินเฟ้อทั่วโลกสูงขึ้น สวนทางกำลังซื้อของผู้บริโภคที่ลดลง

 

 

 

นายชัยชาญ  เจริญสุข ประธานสภาผู้ส่งสินค้างทางเรือแห่งประเทศไทย (สรท.) หรือสภาผู้ส่งออก เผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ”ว่า แม้ภาพรวมการส่งออกไทยช่วง 2 เดือนแรกจะยังขยายตัวได้ดี แต่ในข้อเท็จจริงเป็นคำสั่งซื้อหรือออเดอร์ก่อนสงครามรัสเซีย-ยูเครนจะเกิดขึ้น (24 ก.พ.65) ทำให้การส่งออกช่วง 2 เดือนแรกยังไม่ได้รับผลกระทบ 

 

อย่างไรก็ดี คาดการส่งออกในเดือน มี.ค.จะลดลง และขยายตัวไม่เกินตัวเลขสองหลัก และมองว่าภาพรวมส่งออกไทยในไตรมาสแรกจะขยายตัวได้ประมาณ5% ส่วนไตรมาส 2 คาดจะขยายตัวได้ไม่เกิน 5% จากเศรษฐกิจ การค้าโลกที่ได้รับผลกระทบจากสงครามรัสเซีย-ยูเครน และต้นทุนการผลิตที่ปรับตัวสูงขึ้น ทำให้สินค้าส่งออกของไทยในภาพรวมเวลานี้ปรับราคาขึ้นแล้วเฉลี่ย 5-10%

 

 

ทั้งนี้เพื่อรับมือการส่งออกไทยที่มีแนวโน้มขยายตัวลดลง ล่าสุดเมื่อวันที่ 25 มีนาคมที่ผ่านมา ทางสรท.ได้หารือร่วมกับผู้บริหารของสมาคมการค้า และกลุ่มอุตสาหกรรมต่าง ๆ ในกลุ่มสินค้าหลัก ทั้งยานยนต์ ชิ้นส่วนยานยนต์ อิเล็กทรอนิกส์ เครื่องใช้ไฟฟ้า เม็ดพลาสติกและผลิตภัณฑ์ อาหาร ข้าว กุ้ง  ยางพารา ผลิตภัณฑ์ยางพารา สิ่งทอ เครื่องนุ่งห่ม เพื่อช่วยกันวิเคราะห์ถึงทิศทางการส่งออกไทยในช่วงเดือนที่เหลือของปีนี้

 

สรุปประเด็นที่ 1 เห็นร่วมกันว่า สถานการณ์การสู้รบรัสเซีย-ยูเครนน่าจะยังยืดเยื้อ และยังหาจุดสิ้นสุดไม่เจอ ประเด็นที่ 2 ราคาวัตถุดิบปรับตัวสูงขึ้นทุกตัวอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้โดนกันถ้วนหน้าทั้งวัตถุดิบสินค้าอาหาร วัตถุดิบอาหารสัตว์ ปุ๋ย หรือวัตถุดิบขั้นพื้นฐานอื่น ๆ

 

ส่วนวัตถุดิบที่รัสเซียเป็นผู้ส่งออกรายสำคัญของโลกทั้งน้ำมัน ก๊าซธรรมชาติ สินแร่หายาก (Rare Earth)  และโลหะต่าง ๆ เช่น นิกเกิล ทองแดง พาลาเดียม สังกะสี โครเมียม ส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมต่อเนื่องต่อหลายกลุ่มอุตสาหกรรมของโลกขาดแคลนวัตถุดิบ และราคาปรับตัวสูงขึ้น จากรัสเซียระงับส่ออก และถูกคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจ

 

อย่างไรก็ดีที่ประชุมได้มีความเห็นร่วมกันถึงกลุ่มสินค้าที่ยังมีแรงขับเคลื่อนการส่งออกไทยในช่วงนี้ได้แก่ 1.ยางพารา และผลิตภัณฑ์ยางพารา จากรัสเซียเป็นผู้ส่งออกยางสังเคราะห์รายใหญ่ ซึ่งหากสินค้ายางสังเคราะห์ของรัสเซียหายไป ยางธรรมชาติของไทยก็จะได้รับอานิสงส์ส่งออกได้เพิ่มขึ้นทั้งเชิงปริมาณ และราคา แต่ที่ห่วงคือปริมาณยางพาราของไทยจะมีผลผลิตเพียงพอกับความต้องการของตลาดได้หรือไม่ เพราะมีปัจจัยเสี่ยงจากโรคพืช เช่นโรคใบร่วงระบาด รวมถึงเรื่องดินฟ้าอากาศ

 

 

2.อาหาร ที่เป็นสินค้าจำเป็นที่ทั่วโลกยังต้องบริโภค 3.ผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง ที่ส่วนใหญ่ส่งออกไปจีน เพื่อไปใช้ผลิตพลังงานชีวมวล และเป็นอาหารสัตว์

 

4.น้ำตาล จะเห็นข่าวเวลานี้ผู้บริโภคชาวรัสเซียแย่งซื้อน้ำตาลกักตุน เพราะน้ำตาลเป็นปัจจัยขั้นพื้นฐาน คาดไทยจะส่งออกน้ำตาลในปีนี้ได้เพิ่มขึ้น และ 5.ข้าว ยังไปได้ ซึ่งทางสมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย คาดไทยจะส่งออกข้าวในปีนี้ได้ 7 ล้านตัน

 

 

“ส่วนสินค้าอุตสาหกรรมไม่มีสินค้าโดดเด่น นอกจากยางรถยนต์  เพราะเรายังสามารถที่ซัพพลายไปได้ แม้จะมีการสู้รบหรือสงคราม แต่ก็มีการเคลื่อนที่ของสินค้าทางด้านโลจิสติกส์ และการเดินทางในประเทศต่าง ๆ”

 

ขณะที่กลุ่มสินค้าแบบกลาง ๆ ที่ยังพอไปได้ ในกลุ่มสินค้าอุตสาหกรรม ได้แก่ สิ่งทอ และเครื่องนุ่งห่ม คาดปีนี้ยังพอไปได้ และการเติบโตของการส่งออกจะอยู่ในช่วง 3-5% , ชิ้นส่วนยานยนต์ก็ยังไปได้ เหตุผลเพราะพอเศรษฐกิจไม่ดี คนมักจะไม่ค่อยซื้อรถยนต์ใหม่ จากต้องการเก็บเงินสำรองเอาไว้ โดยจะหันมาซ่อมบำรุงรถเก่าแทน, เม็ดพลาสติกและผลิตภัณฑ์  ที่ราคาปรับตัวสูงขึ้นจากเป็นสินค้าเกี่ยวเนื่องจากน้ำมัน นอกนั้นในสินค้า เครื่องใช้ไฟฟ้า และอิเล็กทรอนิกส์ ก็ยังพอไปได้

 

 

“ส่วนที่ดูแล้วยังต้องเร่งแก้ไขปัญหาในเวลานี้คือ ในสินค้ารถยนต์ จากการขาดแคลนเซมิคอนดักเตอร์(ไมโครชิพ) ที่ใช้เป็นแผงควบคุมในระบบรถยนต์ และระบบเซ็นเซอร์ต่าง ๆ ซึ่งขาดแคลนเซมิคอนดักเตอร์นี้มีแนวโน้มขาดแคลนรุนแรงมากขึ้นเรื่อย ๆ  จากรัสเซียผู้ส่งออกแร่หายากรายสำคัญที่ใช้ในการผลิตซมิคอนดักเตอร์ ทั้งนิกเกิล ทองแดง พาลาเดียม และอื่น ๆ”

 

ทั้งนี้คาดการณ์ส่งออกไทยปี 2565 จากเดิม สรท.คาดการณ์ไว้ที่ปีที่ 5-8% เมื่อต้นปีที่คาดว่าทุกอย่างจะดีขึ้น ตอนนี้ก็หั่นเป้าลงเหลือไม่เกิน 5% หรือสูงสุด 5% แต่จะต่ำกว่านี้หรือไม่ขึ้นกับสถานการณ์รัสเซีย-ยูเครนจะยืดเยื้อยาวนานแค่ไหน ซึ่งทุกกลุ่มอุตสาหกรรมระบุว่า หากสงครามยืดเยื้อยาวนาน ครึ่งหลังอาจมีการชะลอตัวของการส่งออกมากขึ้น ทุกคนเริ่มเป็นห่วง เพราะจะทำให้เศรษฐกิจโลกหดตัว ความต้องการสินค้าจะลดลง สินค้าจะแพงขึ้น เงินเฟ้อจะสูงขึ้น จะเป็นแรงกดดันทำให้สภาพเศรษฐกิจโลกหดตัวลงในครึ่งปีหลังอย่างแน่นอน