เอกชนจี้รัฐยกเลิกTest & GO-ทบทวนค่าเอฟทีกระตุ้นเศรษฐกิจ

07 เม.ย. 2565 | 06:01 น.
อัปเดตล่าสุด :07 เม.ย. 2565 | 13:01 น.

เอกชนจี้รัฐยกเลิกTest & GO พร้อมทบทวนค่าเอฟที มอบส่วนลดค่าไฟให้เอสเอ็มอีกระตุ้นเศรษฐกิจ เผยดัชนีภาคอุตสาหกรรมเดือนมีนาคมสูงสุดในรอบ 25 เดือน

นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า ส.อ.ท. มีข้อเสนอแนะถึงรัฐบาล ประกอบด้วย

 

  • ยกเลิกมาตรการ Test & GO เพื่อช่วยกระตุ้นการท่องเที่ยว รวมทั้งจัดเตรียมความพร้อมด้านสาธารณสุขในการรองรับการปรับให้โรคโควิด-19 (Covid-19) เป็นโรคประจำถิ่น เพื่อ สร้างความเชื่อมั่นกับประชาชนและนักท่องเที่ยว
  • เร่งแก้ไขปัญหาวัตถุดิบขาดแคลนและวัตถุดิบราคาแพง อาทิ ปรับลดภาษีนำเข้าวัตถุดิบที่จำเป็นต่อภาคการผลิต รวมทั้งปลดล๊อคเงื่อนไขและโควต้าการนำเข้าวัตถุดิบโดยเฉพาะในวัตถุดิบที่ขาดแคลน 
  • ทบทวนการปรับขึ้นค่าไฟฟ้าผันแปร (Ft) และออกมาตรการช่วยเหลือผู้ประกอบการ SME เพื่อลดต้นทุนการผลิต เช่น ส่วนลดค่าไฟฟ้า 
  • เร่งเจรจากับจีน-เวียดนาม ขอขยายเวลาเปิดด่านเป็น 24 ชม. เพิ่มช่องทาง Green Lane ในการตรวจสินค้าผลไม้ รวมทั้งการเตรียมแผนสำรองในการส่งออกผลไม้ทางเรือ/เครื่องบิน เพื่อแก้ไขปัญหาการส่งออกผลไม้จากไทยไปจีนผ่านด่านทางบกต้องการให้ภาครัฐ 
     

ส่วนดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมในเดือนมีนาคม 2565 อยู่ที่ระดับ 89.2 ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากระดับ 86.7 ในเดือนกุมภาพันธ์  โดยค่าดัชนีฯ สูงสุดในรอบ 25 เดือน นับตั้งแต่เดือนมีนาคม 2563 ซึ่งองค์ประกอบดัชนีฯ ปรับตัวเพิ่มขึ้น ได้แก่ ทั้งคำสั่งซื้อโดยรวม ยอดขายโดยรวม ปริมาณการผลิต และผลประกอบการ 

 

ปัจจัยที่สนับสนุนความเชื่อมั่นผู้ประกอบการภาคอุตสาหกรรมในเดือนนี้ ได้แก่ การผ่อนคลายมาตรการควบคุม โควิด-19 ในประเทศและหลายประเทศทั่วโลกส่งผลให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจทยอยฟื้นตัวและความต้องการสินค้าอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้น

 

เอกชนจี้รัฐยกเลิกTest & GO-ทบทวนค่าเอฟทีกระตุ้นเศรษฐกิจ

 

ขณะที่การเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวและการปรับรูปแบบมาตรการ Test & Go ตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคม 2565 ที่ผ่านมาช่วยอำนวยความสะดวกนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้าประเทศมากขึ้น

 

นอกจากนี้ในเดือนมีนาคมผู้ประกอบการภาคอุตสาหกรรมเร่งการผลิตสินค้า เพื่อส่งมอบก่อนวันหยุดยาวในช่วงเทศกาลสงกรานต์ อย่างไรก็ตามสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างรัสเซีย – ยูเครน กดดันให้ต้นทุนการผลิตของผู้ประกอบการปรับตัวสูงขึ้นทั้งจากราคาพลังงานและราคาวัตถุดิบ อาทิ อาหารสัตว์ ปุ๋ยเคมี สินแร่สำหรับผลิตเหล็กอลูมิเนียม เป็นต้น 

จากการสำรวจผู้ประกอบการ 1,303 ราย ครอบคลุม 45 กลุ่มอุตสาหกรรมของสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยในเดือนมีนาคม 2565 พบว่า ปัจจัยที่ผู้ประกอบการมีความกังวลเพิ่มขึ้นได้แก่ ราคาน้ำมัน 78.5% สภาวะเศรษฐกิจโลก 55.2%

 

ปัจจัยที่มีความกังวล ลดลง ได้แก่ สถานการณ์ระบาดของโควิด-19  62.2%  เศรษฐกิจในประเทศ 48.1%  อัตราแลกเปลี่ยน (มุมมองผู้ส่งออก) โดยอัตราแลกเปลี่ยนอ้างอิงค่าเงินบาทเทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯ 42.3%  สถานการณ์การเมืองในประเทศ 40.1% และอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ 39.5%  

 

สำหรับดัชนีฯคาดการณ์ 3 เดือนข้างหน้า อยู่ที่ระดับ 99.6 ปรับตัวเพิ่มขึ้นจาก 97.1 ในเดือนกุมภาพันธ์ เนื่องจากสถานการณ์โควิด-19 มีแนวโน้มคลี่คลายลงจากการเร่งฉีดวัคซีนให้ครอบคลุมประชากรส่วนใหญ่ ทำให้ประชาชนสามารถออกมาใช้ชีวิตตามปกติมากขึ้นส่งผลอุปสงค์ในประเทศมีทิศทางดีขึ้น ขณะที่ภาคการส่งออกของไทยยังคงมีแนวโน้มขยายตัวต่อเนื่องตามทิศทางเศรษฐกิจโลก