เมื่อวันที่ 21 มิถุนายน 2565 พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พล.ต.ท.อัคราเดช พิมลศรี ผู้บัญชาการตำรวจภูธร ภาค 6. และคณะนายตำรวจจากกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 6 พล.ต.ต.ปกปภพ บดีพิทักษ์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดตาก ได้ร่วมกันแถลง การเปิดยุทธการ“ตัดไฟต้นลม ขบวนการคอลเซ็นเตอร์” ชายแดนไทย-เมียนมา พื้นที่ อ.แม่สอด จ.ตาก
โดยศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ ตำรวจภูธร ภาค 6. (ศปอส.ภ.6) ร่วมกับสำนักงาน กสทช. ภาค 3. นำโดยนายมนต์ชัย ณ.ลำพูน ผู้อำนวยการ กสทช. ภ.3 และนายภาณุพงษ์ ชัยศรีทิพย์ ผู้อำนวยการสำนักงาน กสทช. เขต 31. ได้ดำเนินการร่วมกัน ในการออกกวาดล้างปราบปราม การกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ
พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า จากสถานการณ์ปัจจุบันมีประชาชนได้รับความเดือดร้อน จากกลโกงของขบวนการคอลเซ็นเตอร์ ได้โทรศัพท์เข้ามาหลอกลวงประชาชน ซึ่งสร้างความเสียหายมูลค่ากว่า 1,500 ล้านบาทต่อเดือน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี จึงมีคำสั่งให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ช่วยกันกวดขันดูแลและมีมาตรการเชิงรุกปราบปรามอย่างเด็ดขาด
วันนี้ ทาง พล.ต.อ. สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ จึงมีนโยบายให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เร่งดำเนินการเชิงรุกกับขบวนการคอลเซ็นเตอร์- Call Center ทั้งในด้านการปราบปราม และการติดตามจับกุมตัวผู้กระทำความผิดมาดำเนินคดี เพื่อไม่ให้สร้างความเดือดร้อนกับประชาชนได้อีก
ในส่วนของตำรวจภูธรภาค 6 พล.ต.ท.อัคราเดช พิมลศรี ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 6 ได้สั่งการให้ชุดศูนย์ป้องกันปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีตำรวจภูธรภาค 6 ได้ทำการปราบปรามเชิงรุก โดยให้ศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ ตำรวจภูธร ภาค 6 (ศปอส.ภ.6)
ประกอบด้วย พล.ต.ต.สิทธฺชัย โล่กันภัย,พล.ต.ต.เอกรักษ์ ลิ้มสังกาศ รอง.ผบช.ภ.6. , พล.ต.ต.ณัฐวุฒิ ภาคภูมิ ผู้บังคับการสืบสวนตำรวจภูธร ภาค 6. รวมทั้งตำรวจสืบสวน ภาค 6. รวมทั้ง พ.ต.อ.มนต์ศักดิ์ แก้วอ่อน ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรแม่สอด และตำรวจชุดปราบปรามอาชญากรรมพิเศษ แม่สอด 1. ,ชุดสืบสวน สภ.แม่สอด ทำการปราบปรามขบวนการคอลเซ็นเตอร์ ในพื้นที่ชายแดนไทย-เมียนมา ด้าน อ.แม่สอด จ.ตาก
รายงานข่าวแจ้งว่า เจ้าหน้าที่ ได้เข้าปฏิบัติการร่วมกัน ทำการสืบสวน ตรวจสอบและลงพื้นที่ชายแดนไทย-เมียนมา ริมแม่น้ำเมย อ.แม่สอด จ.ตาก พบว่ามีขบวนการ Call Center และกิจกรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศหลายราย ได้ลักลอบใช้อาคารพาณิชย์และบ้านเรือน ติดตั้งเสาสัญญาณส่งสัญญาณอินเตอร์เน็ต เพื่อส่งสัญญาณไปยังประเทศเพื่อนบ้าน เพื่อใช้สัญญาณอินเตอร์เน็ตขับเคลื่อนขบวนการ Call Center โดยโทรฯเข้ามาหลอกลวงคนไทย และเปิดบ่อนการพนันออนไลน์
จึงได้รวบรวมพยานหลักฐานยื่นคำร้องต่อศาลจังหวัดแม่สอด และเข้าทำการตรวจค้นจำนวน 3 จุด ในพื้นที่ชายแดน ซึ่งจากการปฎิบัติการ เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมผู้กระทำผิดได้ เป็นคนไทย 1 ราย และ คนต่างชาติ 1 ราย และเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทลายจุดเสาส่งสัญญาณอินเตอร์เน็ตที่ส่งไปยังประเทศเพื่อนบ้าน มีทั้งชุดรับ-ส่ง สัญญาณวิทยุคมนาคม จำนวน 6 ชุด พร้อมอุปกรณ์ประกอบ เช่น สายนำสัญญาณ อุปกรณ์เสริม โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ ตำรวจภูธร ภาค 6. (ศปอส.ภ.6) จะได้สืบสวน ขยายผลเพื่อไปจับกุมผู้บงการและผู้ที่เกี่ยวข้องต่อไป
สำหรับผู้ต้องหาจะถูกแจ้งข้อหาและดำเนินคดี ในฐานความผิดพ.ร.บ.วิทยุคมนาคม พ.ศ. 2498 มาตรา 6 ห้ามมิให้ผู้ใด ทำ มี ใช้ นำออก หรือค้า ซึ่งเครื่องวิทยุคมนาคม เว้นแต่จะได้รับใบอนุญาตจากเจ้าพนักงานผู้ออกใบอนุญาต มีความผิดต้องระวางโทษ ปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือทั้งจำทั้งปรับ
และหากตรวจพบว่าเป็นการส่งสัญญาณไปยังประเทศเพื่อนบ้านเพื่อประโยชน์โดยทุจริต จะเป็นการประกอบกิจการโดยไม่ได้รับอนุญาต มีความผิด พ.ร.บ.การประกอบกิจการโทรคมนาคม พ.ศ 2544 มาตรา 7. ประกอบมาตรา 67 มีโทษสูงสุดจำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน 10 ล้านบาท หรือ ทั้งจำทั้งปรับ
ทั้งนี้ ทางตำรวจ ศปอส.ภ.6. และ สำนักงาน กสทช. จึงขอประชาสัมพันธ์ แจ้งเตือนประชาชน อย่าตกเป็นเหยื่อของขบวนการคอลเซ็นเตอร์ เช่น หลงโอนเงิน หรือให้ข้อมูลส่วนตัวใดๆ โดยต้องมีการตรวจสอบให้ดีก่อน