ศ.ดร.กนก วงษ์ตระหง่าน ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงปัญหาเงินเฟ้อพุ่งไปอยู่ที่ระดับ 7.66% ในเดือนมิถุนายนที่ผ่านมาว่า คือชนวนระเบิดเวลาของเศรษฐกิจไทยที่มีชีวิตของประชนเป็นตัวประกัน โดยเงินเฟ้อ 7.66% เป็นตัวเลขสูงสุดในรอบ 13 ปีที่ผ่านมา ตัวเลขนี้บอกว่าเงินที่ประชาชนมีในกระเป๋าหายไป 7.66%
สำหรับเงินเฟ้อ 7.66% นี้ มีองค์ประกอบสำคัญ 3 ส่วน คือ 1.อาหาร 2.ที่อยู่อาศัย 3.ค่ายานพาหนะและน้ำมัน พูดง่าย ๆ คือ อาหาร ที่อยู่อาศัย และการเดินทางที่แพงขึ้น 7.66% นี้ กระทบโดยตรงกับการใช้ชีวิตประจำวันของคนไทย โดยเฉพาะกลุ่มพลังงาน มีอัตราการเติบโตของราคา 39.97% จึงส่งผลให้พลังงานมีสัดส่วนถึง 61.83% ของอัตราเงินเฟ้อในเดือนนี้
ทั้งนี้ สินค้ากลุ่มพลังงานประกอบด้วย น้ำมันเชื้อเพลิง มีอัตราการเติบโตของราคา 39.45% ค่าไฟฟ้า 45.41% และราคาก๊าซหุงต้ม 12.63% กลุ่มอาหารและเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ มีอัตราการเติบโตของราคา 6.42%
“รายได้ประชาชนลดลงมาตลอด 3 ปี เพราะสถานการณ์เศรษฐกิจและโควิด-19 ในขณะที่ประชาชนอ่อนแอมากแล้ว ยังต้องมาเผชิญกับค่าครองชีพที่สูงขึ้นอย่างรวดเร็วเช่นนี้ ประชาชนจะทนต่อไปได้นานเท่าไร เมื่อรายได้ไม่เพิ่ม ไม่เพียงพอกับรายจ่าย และเกิดเงินเฟ้อสูง สะท้อนให้เห็นว่า “สัญญาณชีพ”ที่อันตรายของประชาชนแล้ว”
ศ.ดร.กนก ยังได้วิงวอนให้รัฐบาลและผู้รับผิดชอบรีบกู้สัญญาณชีพนี้โดยเร็ว ก่อนที่จะสายเกินแก้ไข และจบลงด้วยการเสียชีวิตของคนไทย
“ท่านต้องทำงานแข่งกับเวลาเพื่อรักษาชีวิตของคนไทยให้ได้ครับ อย่าเอาแต่ให้ดูด้านดีว่า เงินเฟ้อของไทยยังต่ำกว่าประเทศอื่น เพราะนั่นเป็นการมองปัญหาแบบเข้าข้างตัวเอง สุดท้ายจะไม่นำไปสู่การแก้ปัญหา ในขณะนี้สิ่งที่ต้องเร่งทำ คือ การเติมเงินในกระเป๋าให้ประชาชน และลดต้นทุนสินค้า เพื่อกดราคาลงมา ไม่ให้เงินในกระเป๋าของประชาชนต้องลดมูลค่ามากไปกว่านี้” ศ.ดร.กนก ระบุ