นายณัฐวุฒิ ประเสริฐสุวรรณ ประธานคณะกรรมาธิการแก้ไขปัญหาราคาผลิตผลเกษตรกรรม เผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า ทางกรมการข้าว ได้นำ 2 โครงการมาเปรียบเทียบก็คือ โครงการลดต้นทุนการผลิต เปรียบเทียบกับโครงการสนับสนุนค่าบริหารจัดการและพัฒนาคุณภาพผลผลิตเกษตรกรผู้ปลูกข้าว ซึ่งในแต่ละตารางจะมีการเปรียบเทียบแต่ละช่อง แต่ปรากฏว่ามีอยู่ช่องหนึ่งของโครงการลดต้นการผลิตเขียนไว้วางจัดสรรให้ชาวนาไร่ละ 700 บาท ไม่เกินครัวเรือนละ 5 ไร่ หรือไม่เกินครัวเรือนละ 3,500 บาท
“ผมก็ถามว่าช่องนี้หมายความว่าจะโอนเงินสดให้กับชาวนา 4.6 ล้านครัวเรือนใช่ไหม ก็ตอบไม่ได้ แต่ความจริงไม่ใช่ก็เพราะเมื่อคิดแล้วเป็นการนำจำนวนเงิน 15,260 ล้าน ที่ตั้งโครงการ ลดต้นทุนการผลิตนำไป หารจำนวนครัวเรือน ถึงเป็นที่มา ไร่ละ 700 บาท ไม่เกินครัวเรือนละ 3,500 บาท เท่ากับเปรียบเทียบว่าถ้าจ่ายเป็นเงินสดครอบครัวได้ 3,500 บาทต่อครอบครัว แต่เงินตรงนี้นำไปซื้อครุภัณฑ์เครื่องจักรกลการเกษตร คล้ายกับว่าไม่ได้บอกความจริง แต่การนำตัวเลขหารมาอย่างนี้”
อีกประการหนึ่งได้ถามสำนักงบประมาณคุณตั้งโครงการ 5,000 แห่ง ความจริงแล้วกรมการข้าว มีศูนย์ข้าวชุมชน 2,478 แห่งเท่านั้น ตั้งเกินมาได้อย่างไร เพราะการจัดสรรงบประมาณต้องมีความพร้อมทุกเรื่องไม่ว่าจะเป็นตัวองค์กร ตัวบุคลากรใครจะดูแลบำรุงรักษาในการที่จะใช้งบประมาณ ใครเป็นคนดำเนินการ
ทางสำนักงบฯ ชี้แจงว่า ศูนย์ข้าวชุมชนเป็นคนของบประมาณ ทำงบประมาณขึ้นมาจากข้างล่าง แล้วอีก 2,522 ศูนย์ ยังไม่ได้ตั้งเลย แล้วจะมีความพร้อมอย่างไร สิ่งเหล่านี้จะมีความพร้อมอย่างไรก็ถามไป แล้วอีกประการหนึ่งก็คือว่ายืนยันได้ไหมว่าโครงการลดต้นทุนการผลิตก็ทำไป ไม่เห็นด้วยที่จะต้องตั้งให้ครบ 5,000 ศูนย์
เอาไปหารไปบวกไปคูณกัน แล้วถอดออกมาเป็นงบประมาณ 15,260 ล้านบาท ซึ่งการจัดสรรงบประมาณ มีแค่ 2,478 แห่ง ก็เอาแค่นี้ ขึ้นอยู่กับศักยภาพของแต่ละพื้นที่ความต้องการของแต่ละพื้นที่ ความเหมาะสมของแต่ละพื้นที่ แต่ถ้าจะถึงงบที่ได้อนุมัติก็ถึงไป ไม่จำเป็นที่จะต้องผลักดันให้ครบ 5,000 ศูนย์เพื่อนำมาเป็นตัวหาร
สรุปที่ประชุม กมธ. ก็ในเมื่อผ่านอนุฯ ผ่านกระบวนการมาแล้ว แล้วจะเข้าสู่วาระ 2 เราก็ขอร้องว่าถ้าโครงการนี้ยังพิสูจน์ไม่ได้ว่าจะใช้จ่ายหรือมีประสิทธิภาพลดต้นทุนการผลิตได้จริง ครอบคลุมชาวนาได้ทุกครอบครัวเดิม แล้วมีประสิทธิภาพจริงแล้ว แต่ปีนี้หมายความว่าปีหน้าก็ขอให้ยังคงมีโครงการและบริหารจัดการฯ ไร่ละ 1,000 บาทชาวนารับสูงสุด 20,000 บาท อีกสัก 1 ปี เพื่อช่วยชาวนาในฐานะที่สภาวะเศรษฐกิจตอนนี้ ปุ๋ยก็ราคาแพงมาก น้ำมันก็ราคาแพง ชาวนาแทบจะไม่ได้กำไรเลย ก็จะได้เงินส่วนนี้ไปดูแลครอบครัวในการใช้ชีวิตประจำวัน ช่วยบรรเทาความเดือดร้อนได้
แล้วถ้าโครงการประสบความสำเร็จจะยกเลิกโครงการนี้ก็ได้เราก็เห็นด้วยในหลักการที่จะลดต้นทุนการผลิตกว่า 5.4 หมื่นล้านบาท เป็นภาระรัฐบาลแต่ก็ต้องทำให้เห็นว่าได้ว่าที่จะทำต้องจับต้องได้ไม่มีใครได้ประโยชน์จากการเปลี่ยนแปลงโครงการนี้ ต้องพิสูจน์ให้เห็น เครื่องไม้เครื่องมือที่จัดซื้ออุปกรณ์มาแล้ว ไม่ได้ทิ้งเป็นสุสาน เหมือนที่ผ่านมา ใช้ประโยชน์ได้จริง อย่างนี้เห็นด้วยที่จะยกเลิก ดังนั้นปีหน้าก็ขอให้คู่ขนานกันไปก่อน
นายปราโมทย์ เจริญศิลป์ นายกสมาคมชาวนาและเกษตรกรไทย เผยผู้ที่มาชี้แจง เป็นงบเดียวกัน แต่ว่าการที่จะไปทำตรงนั้นแล้วเร่งให้ศูนย์ใหม่เกิด ไม่น่าจะใช้วัตถุประสงค์ และทางศูนย์ข้าวชุนชม ก็ยอมรับกันเอง เดินขบวนถือป้ายชัดเจน พร้อมกับให้ข่าว นั่นแสดงว่า หากเอางบประมาณไปให้อีก ก็ยังไม่สามารถการันตีได้ว่าจะไม่โดนโกง ฉะนั้น ควรไปแก้ไขปัญหาตรงนั้นให้ได้ก่อนดีไหมถึงจะเอางบประมาณไป แบบในบ้านคุณยังสกปรกอยู่เลย ควรจะไปปัดกวาดบ้านให้เรียบร้อยก่อน