นายพิทักษ์ อุดมวิชัยวัฒน์ อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เปิดเผยว่า กรมได้ หารือกับสมาคมผู้นำเข้าข้าวสิงคโปร์ (Singapore General Rice Importers Association) ร่วมกับสมาคมผู้ส่งออกข้าวไทยและสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ (สคต.) ณ กรุงสิงคโปร์ เพื่อกระชับความสัมพันธ์ทางการค้า แลกเปลี่ยนข้อมูลสถานการณ์การค้าข้าวและข้อมูลตลาดข้าวในสิงคโปร์ รวมทั้งเพื่อผลักดันการส่งออกข้าวไทยไปยังสิงคโปร์ในช่วงครึ่งหลังของปี 2565 ให้เพิ่มมากขึ้น
โดยในการประชุมครั้งนี้พบว่า สิงคโปร์ได้เริ่มเปิดประเทศภายหลังสถานการณ์โควิด-19 คลี่คลาย จึงทำให้ตัวเลขการนำเข้าข้าวไทยเพิ่มขึ้นประมาณ 2% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน คาดว่าหลังจากนี้จะนำเข้าข้าวจากไทยเพิ่มขึ้น เนื่องจากข้าวไทยยังคงเป็นที่ต้องการของตลาดผู้บริโภคชาวสิงคโปร์ที่ส่วนใหญ่นิยมบริโภคข้าวไทยและเชื่อมั่นในคุณภาพมาตรฐานของข้าวไทย
อย่างไรก็ตาม ราคาข้าวยังคงเป็นปัจจัยหลักในการตัดสินใจนำเข้าข้าวจากต่างประเทศ โดยไทยได้เน้นย้ำว่าไทยมีผลผลิตข้าวเพิ่มขึ้นจากปริมาณน้ำฝนที่มีเพียงพอต่อการเพาะปลูก รวมทั้งราคาข้าวไทยในปัจจุบันอยู่ในระดับที่สามารถแข่งขันได้และไทยมีความพร้อมจัดส่งข้าวคุณภาพดีที่เป็นแหล่งความมั่นคงทางด้านอาหารให้แก่สิงคโปร์
ทั้งนี้ จากสถิติกรมศุลกากรและใบอนุญาตส่งออกข้าวของกรมการค้าต่างประเทศ ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. – 31 ส.ค. 2565 ไทยส่งออกข้าวปริมาณ 4.92 ล้านตัน คิดเป็นมูลค่า 2,538 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 86,064 ล้านบาท)
ปริมาณและมูลค่าส่งออกเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน คิดเป็น51.37% และ 30.47% ตามลำดับ ซึ่งเป็นผลมาจากค่าเงินบาทอ่อนค่าลงและผลผลิตข้าวไทยที่ออกสู่ตลาดเพิ่มขึ้น โดยคาดว่าการส่งออกข้าวจะขยายตัวต่อเนื่องและมีแนวโน้มส่งออกข้าวทั้งปีที่ 7.5 ล้านตัน
สำหรับราคาข้าวของไทยในช่วงนี้มีแนวโน้มปรับลดลงตามทิศทางค่าเงินบาทที่อ่อนค่าลง ส่งผลให้ราคาข้าวขาว 5% ของไทย ณ วันที่ 31 สิงหาคม 2565 อยู่ที่ 428 เหรียญสหรัฐฯต่อตัน ขณะที่ราคาข้าวขาว 5% ของเวียดนามราคาอยู่ที่393-397 ดอลลาร์สหรัฐต่อตัน อินเดียราคาอยู่ที่338-342 ดอลลาร์สหรัฐต่อตัน และปากีสถาน อยู่ที่ 378-382 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อตัน
ส่วนราคาข้าวนึ่งไทยอยู่ที่ 442 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อตัน ขณะที่ข้าวนึ่งของอินเดียอยู่ที่ 378-382 ดอลลาร์สหรัฐต่อตัน และปากีสถานอยู่ที่ 398-402 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อตัน