ดัชนีราคาวัสดุก่อสร้างเดือนสิงหาคม 2565 เท่ากับ 119.5 เทียบกับเดือนสิงหาคม 2564 สูงขึ้น5.2% และ8เดือน (ม.ค.-ส.ค.) สูงขึ้น6.7% ซึ่งยังคงสูงเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา โดยสินค้าสำคัญที่ปรับตัวสูงขึ้น ได้แก่ เหล็กและผลิตภัณฑ์เหล็ก ผลิตภัณฑ์คอนกรีต และซีเมนต์ เป็นต้น เนื่องจากต้นทุนการผลิตปรับตัวสูงขึ้นตามราคาวัตถุดิบ ราคาพลังงาน และค่าเงินบาทอ่อน
ทั้งนี้เมื่อเทียบกับเดือนกรกฎาคม พบว่าดัชนีราคาวัสดุก่อสร้างลดลง0.4%ซึ่งลดลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 4 เนื่องจากราคาสินค้าหมวดเหล็กและผลิตภัณฑ์เหล็ก มีทิศทางลดลง สอดคล้องกับราคาเหล็กในตลาดโลก เนื่องจากประเทศจีนซึงเป็น ผู้ผลิตเหล็กรายใหญ่ประสบปัญหาธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ซบเซา
อีกทั้ง สภาพภูมิอากาศ และปัญหาอุทกภัย ก็เป็นปัจจัยส่งผลให้อุปสงค์ลดลง ประกอบกับสถานการณ์ในต่างประเทศ ทำให้เกิดการขาดแคลนวัตถุดิบในการผลิต ส่งผลให้อุตสาหกรรมการผลิตวัสดุก่อสร้าง และอุตสาหกรรมการก่อสร้างเกิดการชะลอตัว
อย่างไรก็ตามแม้ว่าภาพรวมของดัชนีราคาก่อสร้างลดลง แต่ถ้าจำแนกเป็นรายหมวด พบว่า ราคาสูงขึ้นทุกรายการ ไม่ว่าจะเป็นไม้และผลิตภัณฑ์ไม้ เพิ่มขึ้น8.2% ซีเมนต์ เพิ่มขึ้น 7.8% ผลิตภัณฑ์คอนกรีต เพิ่มขึ้น4.9% เหล้กและผลิตภัณฑ์ เพิ่มขึ้น4.1% กระเบื้อง เพิ่มขึ้น4.7% วัสดุฉาบผิว เพิ่มขึ้น2.4% สุขภัณฑ์ เพิ่มขึ้น0.4% อุปกรณไฟฟ้าและปะปา เพิ่มขึ้น 3.2% และวัสดุก่อสร้างอื่นๆ เพิ่มขึ้น6.7%
สำหรับแนวโน้มดัชนีราคาก่อสร้างัชนีราคาวัสดุก่อสร้างในเดือนกันยายน เชื่อว่ายังมีแนวโน้มสูงขึ้น แต่จะเป็นการสูงในอัตราที่ชะลอตัวลง ซึ่งเป็นผลจากต้นทุนวัตถุดิบ (น้ำมัน ถ่านหิน ซีเมนต์ อลูมิเนียม)เริ่มชะลอตัว แต่ยังอยู่ในระดับสูงเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา
ขณะที่ อุปสงค์ในประเทศมีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้นตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ นอกจากนั้นฐานราคาเดือนเดียวกันของปีก่อนไม่สูงมากซึงเท่ากับเดือนสิงหาคม 2564 ปัจจัยเหล่านี้จึงยังส่งผลให้ดัชนีราคาวัสดุก่อสร้างมีการขยายตัว อย่างไรก็ตาม ดัชนีราคาวัสดุก่อสร้าง ยังได้รับแรงกดดันจากความต้องการสินค้าในหมวดเหล็กและผลิตภัณฑ์เหล็กที่ชะลอตัวตามตามอุปสงค์โลกที่ได้รับผลกระทบจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจ โดยเฉพาะประเทศจีน ที่ประสบปัญหาทางการเงินในภาคอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งจะต้องติดตามอย่างใกล้ชิด