นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เผยตัวเลขการค้าชายแดนและการค้าผ่านแดน เดือนสิงหาคม มีมูลค่ารวมทั้งสิ้น 154,295ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4.50% เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน แบ่งเป็นการส่งออกมูลค่า 88,234 ล้านบาท ลดลง 3.18% และการนำเข้ามูลค่า 66,062 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 16.89% โดยไทยได้ดุลการค้าในเดือนสิงหาคม 2565 ทั้งสิ้น 22,172 ล้านบาท โดยการค้าชายแดนกับ 4 ประเทศ (มาเลเซีย กัมพูชา เมียนมา และสปป.ลาว)เดือนสิงหาคม มีมูลค่าการค้ารวม 91,974 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 27.46%
เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน แบ่งเป็นการส่งออกมูลค่า 56,849 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 29.63% และการนำเข้ามูลค่า 35,125 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 24.09% โดยมาเลเซียยังคงเป็นตลาดส่งออกอันดับหนึ่งของไทยต่อเนื่องจากเดือนที่ผ่านมามูลค่าส่งออก 16,234 ล้านบาท (+20.47%) สินค้าส่งออกสำคัญ ได้แก่ เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ ยางพารา และ รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ
ส่วนการค้าผ่านแดนไปประเทศที่สาม (จีน เวียดนาม สิงคโปร์และประเทศอื่น ๆ)เดือนสิงหาคม 2565 มีมูลค่ารวม 62,322 ล้านบาท ลดลง 17.45% เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน แบ่งเป็นการส่งออกมูลค่า 31,385 ล้านบาท ลดลง 33.62% และการนำเข้ามูลค่า 30,937 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9.66% โดยจีนยังเป็นตลาดส่งออกหลักมูลค่าส่งออก 11,168 ล้านบาท (-55.15%) สินค้าส่งออกสำคัญ ได้แก่ ยางพารา ผลไม้สด แช่เย็น แช่แข็งและแห้ง และ ผลิตภัณฑ์ยางอื่น ๆ
รองลงมาเป็นเวียดนาม มูลค่าส่งออก 4,799 ล้านบาท (+51.46%) สินค้าส่งออกสำคัญ ได้แก่ อุปกรณ์กึ่งตัวนำ ทรานซิสเตอร์ฯ เครื่องดื่มที่ไม่มีแอลกอฮอล์ และสินค้าปศุสัตว์อื่น ๆสิงคโปร์ มูลค่าส่งออก 4,481 ล้านบาท (+2.36%) สินค้าส่งออกสำคัญ ได้แก่ เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ แผงวงจรไฟฟ้า และ เครื่องปรับอากาศฯและประเทศอื่น ๆ (เช่น ฮ่องกง สหรัฐฯ และญี่ปุ่น ) มูลค่าส่งออก 10,937 ล้านบาท (-26.28%)
ส่งผลให้การค้าชายแดนและผ่านแดน 8 เดือนของปี 2565 มีมูลค่ารวมทั้งสิ้น 1,153,874ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3.18% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน แบ่งเป็นการส่งออกมูลค่า 682,849 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 0.11% และการนำเข้ามูลค่า 471,025 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7.98% โดยไทยได้ดุลการค้าในเดือนสิงหาคม 2565 ทั้งสิ้น 211,824 ล้านบาท
สำหรับปัจจัยสนับสนุนการส่งออกยังคงเป็นเรื่องของ เงินบาทที่มีแนวโน้มอ่อนค่า ช่วยให้สินค้าไทยสามารถแข่งขันด้านราคาได้มากขึ้น โดยล่าสุด ณ วันที่ 20 กันยายน 2565 ค่าเงินบาทอ่อนค่าที่ระดับ 36.928 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ ราคาน้ำมันโลกปรับตัวสูงขึ้นและความต้องการน้ำมันเชื้อเพลิงของประเทศเพื่อนบ้านเพิ่มขึ้น และเศรษฐกิจประเทศเพื่อนบ้านเริ่มฟื้นตัว ส่งผลต่อการขยายตัวภาคการผลิตและการบริโภค ทำให้มีความต้องการนำเข้าสินค้าที่เป็นปัจจัยการผลิตมากขึ้น โดยเฉพาะมาเลเซีย มีการนำเข้าสินค้ารถยนต์จากไทยเพิ่มขึ้น 389.42% และยางรถยนต์ เพิ่มขึ้น 131.42% และกัมพูชานำเข้าสินค้าแผงวงจรไฟฟ้า เพิ่มขึ้น 618.91% และผ้าผืนและด้าย เพิ่มขึ้น 93.41%