ECF ร่วมทุนธุรกิจโรงสับไม้-โรงไฟฟ้ามูลค่า 50 ล้าน

บอร์ดไฟเขียว ECF เข้าลงทุนบริษัท "อีซีเอฟ พาวเวอร์" บริษัทผ่านบริษัทย่อยและลงทุนบริษัท เซฟ เอนเนอร์จี โฮลดิ้งส์ ผ่านบริษัทร่วม เดินหน้าธุรกิจโรงไฟฟ้า คาดจำหน่ายไฟได้ไม่เกินไตรมาส 1 ปี'61

นายอารักษ์ สุขสวัสดิ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท อีสต์โคสท์เฟอร์นิเทค จำกัด (มหาชน) หรือ ECF เปิดเผยว่า คณะกรรมการบริษัทมีมติอนุมัติการเข้าลงทุนซื้อหุ้นในกิจการต่างๆ ผ่านบริษัท อีซีเอฟ พาวเวอร์ จำกัด ในฐานะบริษัทย่อยที่บริษัทถือหุ้น 99.99% และบริษัท เซฟ เอนเนอร์จี โฮลดิ้งส์ จำกัด (SAFE) ในฐานะบริษัทร่วม ซึ่งเป็นบริษัทย่อยถือหุ้น 33.37% มูลคาการลงทุนรวม 50.62 ล้านบาท

ทั้งนี้ SAFE จะเข้าซื้อหุ้นบริษัท เซฟ ไบโอแม็ส จำกัด ในสัดส่วน 100% ซึ่งไม่เข้าข่ายเป็นบุคคลที่เกี่ยวโยงกันและไม่มีความสัมพันธ์กับบริษัท โดยดำเนินธุรกิจโรงสับไม้ตังอยู่ที่อำเภอแว้ง จังหวัดนราธิวาส มูลค่าการลงทุน 33.37 ล้านบาท จากมูลค่าการลงทุน 100 ล้านบาท สำหรับมูลค่าที่ดินประมาณ 5 ไร่ อาคารและสิ่งปลูกสรางรวม 8,700 ตารางเมตร เครื่องจักรที่ใช้ในการผลิตทั้งหมด รวมถึงใบอนุญาตในการดำเนินธุรกิจที่เกี่ยวข้องทั้งหมด

บริษัทฯ คาดว่าโรงสับไม้แห่งนี้จะช่วยลดต้นทุนเชื้อเพลิงที่จะใช้ในการผลิตไฟฟ้าให้กับโรงไฟฟ้าพลังงานชีวมวลของบริษัท ไพร์ซ ออฟ วู้ด กรีน เอนเนอร์จี จำกัด (PWGE)โดยบริษัทฯ จะใช้กระแสเงินสดภายในบริษัทและหรือกู้ยืมเงินจากสถาบันเข้าซื้อหุ้น คาดว่าจะดำเนินการภายในไตรมาส 3 ปี 2560 ซึ่งระหว่างธุรกรรมการซื้อหุ้นยังไม่เสร็จ โรงไฟ้า PWGE จะหาแหล่งวัตถุดิบเพื่อใช้ในโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานชีวมวล โดยวิธีจัดซื้อจากบุคคลภายนอก

ส่วนการเข้าซื้อหุ้นบริษัท บิน่า พูรี่ พาวเวอร์ (ไทยแลนด์) ในสัดส่วน 49% ซึ่งดำเนินธุรกิจโรงไฟฟ้าพลังงานเทคโนโลยีระบบผลิตก๊าซเชื้อเพลิงจากชีวมวล ขนาด 2 เมกะวัตต์ โดยแบ่งเป็น 2 โครงการๆ ละ 1 เมกะวัตต์ ตั้งอยู่ที่อำเภอลองและอำเภอสูงเม่น จังหวัดแพร่ โดยผู้ขายไม่ได้เป็นบุคคลที่เกี่ยวโยงและไม่มีความสัมพันธ์กับบริษัทฯ มูลค่าการลงทุน 17.25 ล้านบาท จากมูลค่าการลงทุนทั้งหมด 105.49 ล้านบาท

ทั้งนี้ แบ่งเป็นโครงการอำเภอลอง มูลค่าลงทุน 45.49 ล้านบาท สำหรับมูลค่าที่ดิน 5 ไร่และอาคารสิ่งปลูกสร้าง เครื่องจักร สัญญาซื้อขายไฟฟ้า รวมถึงใบอนุญาตในการดำเนินธุรกิจที่เกี่ยวข้องทั้งหมด ส่วนโครงการอำเภอสูงเม่น มูลค่าลงทุน 60 ล้านบาท สำหรับมูลค่าที่ดิน 5 ไร่และอาคารสิ่งปลูกสร้าง เครื่องจักร สัญญาซื้อขายไฟฟ้า รวมถึงใบอนุญาตในการดำเนินธุรกิจที่เกี่ยวข้องทั้งหมด โดยบริษัทฯ จะใช้กระแสเงินสดภายในบริษัทและหรือกู้ยืมเงินจากสถาบันเข้าซื้อหุ้น คาดว่าจะดำเนินการภายในไตรมาส 3 ปี 2560

บริษัทฯ คาดวาจะได้รับอัตราผลตอบแทนจากการลงทุนและจะเป็นจุดเริ่มต้นของการดำเนินธุรกิจโรงไฟฟ้าในรูปแบบที่แตกต่างจากโรงไฟฟ้าพลังงานชีวมวลหรือโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ที่บริษัทให้ความสนใจเข้าลงทุน คาดว่าจะเริ่มจำหน่ายไฟ้าเชิงพาณิชย์ได้ภายในไม่เกินไตรมาส 1 ปี 2561 สำหรับทั้งสองโครงการ