เมื่อวันที่ 23 พฤศจิกายน 2560 ที่ผ่านมา พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี นั่งหัวโต๊ะ เป็นประธานในที่ประชุมคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ)โดยมีมติอนุมัติมาตรการส่งเสริมให้ ธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม หรือ SMEs เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (MAI) ได้รับการยกเว้นภาษี 100% ซึ่งจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2561 ถึงวันที่ 30 ธันวาคม 2563
นางสาวดวงใจ อัศวจินตจิตร์ เลขาธิการ บีโอไอ กล่าวว่า ที่คณะกรรมการมีมติครั้งนี้เพื่อสนับสนุนให้ SMEs ไทยพัฒนาศักยภาพและเติบโตอย่างยั่งยืน รวมทั้งเข้าถึงแหล่งเงินทุนเพื่อก้าวสู่ระดับสากล รวมถึงสนับสนุน SMEs พัฒนาผลิตภัณฑ์ เปิดการส่งเสริมกิจการศูนย์กลางการค้าและพัฒนาผลิตภัณฑ์แบบครบวงจร จึงส่งเสริมให้มีการลงทุนในพื้นที่พัฒนาเศรษฐกิจพิเศษชายแดนทั้ง 10 แห่ง กำหนดให้ยื่นขอรับส่งเสริมภายในวันที่ 30 ธันวาคม 2561
ขณะเดียวกัน ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย(SET) ตลาดหลักทรัพย์ mai ได้เป็นพี่เลี้ยง ให้คำปรึกษาในทุกๆเรื่องให้กับบริษัทที่มีแผนจะเข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ฯ เพื่อเตรียมความพร้อมในการเป็นบริษัทจดทะเบียน (บจ.) พร้อมกับความรับผิดชอบที่ผู้บริหาร ผู้ถือหุ้นใหญ่และบริษัทจะต้องมีภายหลังจากระดมทุนจากประชาชนทั่วไปแล้ว
ทางด้านบจ.ใน mai ภายหลังจากระดมทุนแล้ว มีต้นทุนทางการเงินที่ตํ่าลง พร้อมโอกาสในการขยายการลงทุนและตลาด ปัจจุบันมีบริษัททั้งหมด 145 บริษัท โดย บริษัทจำนวน 141 บริษัท ในไตรมาส 3/2560 มีกำไรสุทธิรวม 594 ล้านบาท ลดลง 56.72% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากมียอดขายรวม 40,432 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 14.99% แต่มีต้นทุนรวม 31,273 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 17.33% ทำให้อัตรากำไรขั้นต้นลดลงจาก 24.20% เป็น 22.65% รวมถึงบางบริษัทบันทึกขาดทุนจากรายการพิเศษ
ส่วนผลงานรวม 9 เดือนแรก บจ. มีกำไรสุทธิรวม 2,920 ล้านบาท ลดลง 34.37% จากยอดขายรวม 114,399 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 12.12% ต้นทุนขายรวม 88,129 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 14.09% อัตรากำไรขั้นต้นลดลงจาก 24.29% เป็น 22.96% มีโครงสร้างเงินทุนแข็งแรง อัตราส่วนหนี้สินต่อทุน (D/E Ratio) อยู่ในระดับ 1.03 เท่าลดลงจากสิ้นปี 2559 อยู่ในระดับ 1.07 เท่า
จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 37 ฉบับที่ 3,317 วันที่ 26 - 29 พฤศจิกายน พ.ศ. 2560