นางสาวสิริธิดา พนมวัน ณ อยุธยา ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายนโยบายระบบการชำระเงินและเทคโนโลยีทางการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า ภายหลังจากธปท.เปิดให้มีการทดสอบในRegulatory Sandbox โดยมีผู้ประกอบการให้ความสนใจและตื่นตัวนำนวัตกรรมมาทดสอบจำนวน 78โครงการ
ประกอบด้วย โครงการมาตรฐานการชำระเงิน(Standardized QR Code for Payment)ทั้งประชาชนสามารถเข้าถึงบริการโอน/ชำระเงินอิเล็กทรอนิกส์และร้านค้ารายย่อยมีช่องทางรับชำระเงินด้วย
ซึ่งQR Codeสามารถตอบโจทย์ได้ดีที่สุด เนื่องจากต้นทุนต่ำในการวางจุดบริการอีกทั้งหลายโครงการของภาครัฐก็นำมาใช้อย่างแพร่หลายในช่วงการระบาดของโควิด-19
2.การนำเทคโนโลยีBlockchainมาใช้เพื่อลดเวลา ลดต้นทุนและลดขั้นตอนดำเนินงาน เห็นได้จากทั้ง 2บริการคือ
2.1.บริการออกหนังสือค้ำประกันทางอิเล็กทรอนิกส์ (e-LG Blockchain)ส่วนใหญ่ช่วยลดเวลาเหลือเพียง 3ชั่วโมงหรือ 8ชั่วโมงขึ้นอยู่กับบริการและประเภทของลูกค้า แต่ถ้าใช้ระบบเดิมการออกหนังสือค้ำประกันต้องใช้เวลา 3-7วัน และ
2.2การโอนเงินระหว่างประเทศที่นำBlockchainมาใช้สามารถลดระยะเวลาเป็นกึ่งเรียลไทม์จากเดิมต้องใช้เวลา 3-5วัน
3.การนำBiometrics for e-KYCมาเริ่มใช้กับบริการเปิดบัญชีเงินฝากกับธนาคาร การพิสูจน์ยืนยันตัวตนผ่านแพลตฟอร์ม/ช่องทางออกไลน์และ
4.โครงการ P2P Lending Platformการปล่อยสินเชื่อผ่านแพลตฟอร์มเพิ่มช่องทางให้ผู้ประกอบการเข้าถึงแหล่งทุนและผู้ลงทุนที่สนใจปล่อยกู้
ซึ่งมีบริษัทเข้าทดสอบ 4รายและได้รับใบอนุญาตจากกระทรวงการคลังแล้ว 1รายโดยคืบหน้าให้บริการสินเชื่อและมีผลตอบรับค่อนข้างดีมูลค่าสินเชื่อประมาณ 57ล้านบาทจำนวน 800สัญญาคิดดอกเบี้ยและค่าธรรมเนียมรวมอยู่ที่ 7%จากเพดานสูงสุดกำหนดไม่เกิน 15%
“ ขณะนี้มีผู้ประกอบการออกจากSandboxแล้ว 38ราย (QR Code 18ราย Blockchain 9 ราย Biometrics 10 ราย และP2P Lending Platform 1ราย) และจะออกอีก 10รายในไตรมาส2ของปีนี้ส่วนใหญ่เป็นนวัตกรรมเกี่ยวกับโครงสร้างพื้นฐานที่เชื่อมโยงหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลต่างๆหรือ NDID
นอกจากนี้จะมีแนวปฎิบัติหรือGuidelineสำหรับให้ผู้ประกอบการรายใหม่นำไปปฎิบัติในเร็วๆนี้ เช่น APIซึ่งได้ทำเฮียริ่งไปแล้ว ขณะเดียวกันธปท.อยู่ระหว่างร่วมกับสพธอ.หรือETDA ซึ่งเป็นผู้กำกับดูแลด้าน NDID โดยมีการพูดคุยถึงการจัดตั้ง Co-Sandbox เพื่อรับนวตกรรมของผู้ประกอบการของหน่วยงานกำกับอื่นๆที่มีบริการคาบเกี่ยวกัน
โดยกำลังพิจารณา พัฒนา ศึกษาแนวทางร่วมกัน เช่นการพัฒนา “ดิจิทัลไอดี”สำหรับนิติบุคคล รวมถึงการหารือและพิจารณาร่วมกับกระทรวงการคลัง กับกลต.และธปท.เพื่อกำหนดกรอบแนวทางและหลักเกณฑ์ Virtual Bank และ Digital Currency ที่เหมาะสมเพื่อให้ทุกคนมีพื้นที่ในการทดสอบใน Regulatory Sandbox ในอนาคต”
สำหรับสถิติบริการโอนหรือชำระเงินทางอิเล็กทรอนิกส์ ณ กุมภาพันธ์ 2565 พบว่า ปริมาณการทำธุรกรรมชำระเงินเพิ่มขึ้นเป็น 330 ครั้งต่อคนต่อปี ซึ่งเติบโตก้าวกระโดดจากเดิมอยู่ที่ 60 ล้านครั้งต่อคนต่อปี
ขณะที่คนลงทะเบียนผูกบัญชีกับอินเทอร์เน็ตกับโมบายแบงกิ้งอยู่ที่ 125-126 ล้านบัญชี จุดวาง QR Code ปัจจุบันอยู่ที่ 7.2 ล้านจุด และการลงทะเบียนใช้บริการพร้อมเพย์แล้ว 69.5ล้านบัญชี (รวมบัตรประชาชนกับหมายเลขโทรศัพท์)
ปริมาณธุรกรรมโอนเงินเฉลี่ยต่อวัน 39.6ล้าน มูลค่าเฉลี่ยต่อรายการประมาณ 90%ของธุรกรรมอยู่ที่ 600 บาทต่อรายการ และยอดวงเงินต่ำกว่า 100 บาทต่อรายการมีจำนวนเพิ่มขึ้นสะท้อนการใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน
อย่างไรก็ตามสถิติการใช้บริการ NDID ปัจจุบันมีหน่วยงานเข้าร่วมแล้ว 94หน่วยงาน ผู้ลงทุเบียนใช้งาน NDIDแล้ว 5.1ล้านราย เปิดบัญชีเงินฝากผ่าน NDIDสำเร็จแล้ว 7.5แสนบัญชี และขอข้อมูลเครดิตNCBเพื่อสมัครสินเชื่อแล้ว 8.1ล้านรายการ โดยระยะต่อไปอยู่ระหว่างทำสัญญาดิจิทัลสามารถส่งผ่านช่องทางออนไลน์และจะมีบริการต่อเยอดเพิ่มเติม
สำหรับบริการออกหนังสือค้ำประกันอิเล็กทรอนิกส์ e-L/G on Blockchain มีธนาคารข้าร่วมทั้งสิ้น 18 ราย บริษัทและบริษัทในเครือรวม 23 บริษัท ปริมาณธุรกรรมการออกหนังสือ e-L/G ทั้งสิ้น 6.5 หมื่นใบคิดเป็นมูลค่า 1.2 แสนล้านบาท โดยปัจจุบันมีผู้เข้าร่วมและกำลังจะออกจากการทดสอบอีก 10 ราย
นางสาวสิริธิดากล่าวเพิ่มเติมว่า กว่า 4ปีที่ผ่านมา พบว่า ส่วนใหญ่ผู้ประกอบการที่เข้ามาทดสอบใน Regulatory Sandbox ของธปท.เป็นธนาคารเป็นหลัก ธปท.จึงเพิ่มความหลากหลายของผู้ประกอบการ
เช่น สนับสนุนผู้ประกอบการที่เป็น Fintech ecosystemให้สามารถเข้ามาทดสอบได้จริง ซึ่งผู้ประกอบการได้เรียนรู้เรื่องการกำกับ หรือดูแลความเสี่ยงของการนำเทคโนโลยีมาใช้ในนวัตกรรมใหม่ๆ
ต่อมาในปี 2562 ธปท.ได้ปรับปรุงยืดหยุ่นเพิ่ม โดยอนุญาตให้ผู้ประกอบการหรือธนาคารจัดตั้งOwn Sandbox เพื่อนำผลิตภัณฑ์ ,นวัตกรรมทดสอบในองค์กรของตัวเอง โดยกำหนดให้จัดทำกรอบดำเนินการ เกี่ยวกับผลิตภัณฑ์
นวัตกรรมเพื่อกำกับความเสี่ยงและคัดกรองนวัตกรรมที่เหมาะสมและ ผู้ประกอบการหรือธนาคารต้องรายงานผลธปท.ทราบทุกปี โดยธปท.จะมีการติดตามผลการทดสอบด้วย
ขณะเดียวกันในส่วนอของ Regulatory Sandbox ของธปท.ได้ปรับเป็นการทดสอบสำหรับโครงการที่เป็นโครงสร้างพื้นฐานหรือกฎหมายกำหนดให้ทดสอบที่เกี่ยวข้องกับประชาชนจำนวนมาก เช่น P2P Lending Platform เป็นต้น