ด่วน ศาลอาญาออกหมายจับ “วนรัชต์” ผู้ถือหุ้นใหญ่คดี "STARK"

10 ก.พ. 2567 | 07:07 น.
อัพเดตล่าสุด :12 ก.พ. 2567 | 08:30 น.

ศาลอาญา ออกหมายจับ “วนรัชต์ ตั้งคารวคุณ" ผู้ถือหุ้นใหญ่คดีทุจริต บริษัท "STARK" หลังไม่เข้าฟังคำสั่งพนักงานอัยการ

รายงานข่าวจากรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ DSI เปิดเผยว่า  เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่ DSI ได้เดินทางไปที่ศาลอาญาเพื่อขอให้ศาลออกหมายจับนายวนรัชต์ ตั้งคารวคุณ ผู้ต้องหาในคดีทุจริตใน บริษัท สตาร์ค คอร์เปอเรชั่น จำกัด(มหาชน) หรือ STARK ที่ไม่เข้ามาฟังคำสั่งของพนักงานอัยการ สำนักงานคดีพิเศษ 1 เมื่อวันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2567 ที่ผ่านมา ล่าสุดศาลอาญาได้อนุมัติออกหมายจับนายวนรัชต์ เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ขณะนี้ทาง DSI อยู่ระหว่างดำเนินการตามหมายจับ

พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ รองอธิบดี รักษาการอธิบดี DSI กล่าวว่า ขณะนี้ เจ้าหน้าที่ของกรมสอบสวนคดีพิเศษได้เข้าคุมตัวนายวนรัชต์ ขณะเข้ารับการผ่าตัดทำบอลลูนหัวใจที่โรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่ง ซึ่งเป็นลักษณะเฝ้าคุมตัวเพื่อรอศาลเปิดทำการ และเตรียมนำตัวส่งพนักงานอัยการสำนักงานคดีพิเศษยื่นฟ้องต่อศาลอาญา ซึ่งคาดว่าจะเป็นวันที่ 12 ก.พ.

ผู้ต้องหาเข้ารับการผ่าตัดเสร็จสิ้นเรียบร้อยแล้ว อาการปลอดภัย จากนี้ยังต้องติดตามดูอาการว่าหลังการผ่าตัด ผู้ต้องหาสามารถให้การช่วยเหลือตัวเองได้หรือไม่ ถ้าภายหลังการผ่าตัดยังไม่หายดี ยังให้การช่วยเหลือตัวเองไม่ได้เท่าที่ควร ก็จะต้องมีการประเมินกับทางแพทย์ผู้ทำการตรวจรักษาอีกครั้ง แต่ยืนยันว่าผู้ต้องหาไม่สามารถหลบหนีได้แน่นอน

"ในวันนี้เรายังไม่ได้ทำการจับกุม แต่ว่าไปขอหมายจับจากศาลเพราะเกรงว่าจะมีพฤติการณ์หลบหนี จากนั้นจึงให้เจ้าหน้าที่เฝ้าผู้ต้องหาไว้ก่อนถึงวันส่งฟ้องต่อศาล"

เมื่อวันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2567 ที่ผ่านมานายวนรัชต์ ตั้งคารวคุณ ได้ประสานผ่านทนายความขอเลื่อนเข้าพบพนักงานอัยการ โดยให้เหตุผลว่ามีอาการเจ็บป่วยกะทันหัน ทางสำนักงานอัยการคดีพิเศษ1 จึงมีหนังสือด่วนที่สุด ถึงอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ติดตามตัวนายวนรัชต์ มารับฟังคำสั่งฟ้อง

หนังสือด่วนที่สุด ระบุว่า พนักงานอัยการ สำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีพิเศษ 1 ได้พิจารณาสำนวนคดีดังกล่าวแล้วมีคำสั่งฟ้อง นายวนรัชต์ ตั้งคารวคุณ ผู้ต้องหาที่ 2 ในความผิดฐานเป็นกรรมการหรือผู้บริหารบริษัทกระทำโดยทุจริต ไม่ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความรับผิดชอบ ความระมัดระวัง และความซื่อสัตย์สุจริต ตามมาตรา 89/7 พ.ร.บ.หลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ฯ

จนเป็นเหตุให้บริษัทได้รับความเสียหายหรือทำให้ตนเองหรือผู้อื่นได้รับประโยชน์จากการฝ่าฝืน หรือไม่ปฏิบัติหน้าที่ดังกล่าว ในการปฏิบัติหน้าที่ของกรรมการบริษัทย่อยและผู้บริหารบริษัทย่อย , กรรมการ ผู้จัดการ หรือบุคคลใดซึ่งรับผิดชอบในการดำเนินงานของนิติบุคคลใดตาม พ.ร.บ.นี้ โดยทุจริต

ร่วมกันหลอกลวงด้วยการแสดงข้อความอันเป็นเท็จแก่ประชาชน หรือด้วยการปกปิดความจริงซึ่งควรบอกให้แจ้งแก่ประชาชน และโดยการหลอกลวงดังว่านั้นได้ไปซึ่งทรัพย์สินจากประชาชนผู้ถูกหลอกลวง หรือบุคคลที่สาม หรือทำให้ประชาชนผู้ถูกหลอกลวง หรือบุคคลที่สามทำ ถอน หรือทำลายเอกสารสิทธิ , กรรมการ ผู้จัดการหรือบุคคลใดซึ่งรับผิดชอบในการดำเนินงานของนิติบุคคลใดตาม พ.ร.บ.นี้ กระทำหรือยินยอมให้กระทำ

(1) ทำให้เสียหาย ทำลาย เปลี่ยนแปลง ตัดทอน หรือปลอมบัญชีเอกสาร หรือหลักประกันของนิติบุคคลดังกล่าว หรือที่เกี่ยวกับนิติบุคคลดังกล่าว

(2) ลงข้อความเท็จหรือไม่ลงข้อความสำคัญในบัญชีหรือเอกสารของนิติบุคคลหรือที่เกี่ยวกับนิติบุคคลนั้น

หรือ (3) ทำบัญชีไม่ครบถ้วน ไม่ถูกต้อง ไม่เป็นปัจจุบันหรือไม่ตรงต่อความเป็นจริงถ้ากระทำหรือยินยอมให้กระทำเพื่อลวงให้นิติบุคคลดังกล่าวหรือผู้ถือหุ้นขาดประโยชน์อันควรได้หรือลวงบุคคลใดๆ ร่วมกันโดยทุจริต หลอกลวงผู้อื่นด้วยการแสดงข้อความอันเป็นเท็จต่อประชาชน หรือปกปิดข้อความจริงซึ่งควรบอกให้แจ้งแก่ประชาชน และโดยการหลอกลวงดังว่านั้นได้ไปซึ่งทรัพย์สินจากผู้ถูกหลอกลวง หรือบุคคลที่สาม ตาม พ.ร.บ.หลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ฯ ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83, 91, 343

แต่เนื่องจากนายวนรัชต์ ผู้ต้องหาที่ 2 หลบหนี ไม่มารายงานตัวตามกำหนดนัด จึงขอให้ท่านจัดการติดตามให้ได้ตัวผู้ต้องหามาฟ้องภายในอายุความ 15 ปีนับแต่วันกระทำความผิด และหากตรวจสอบแล้วพบว่าผู้ต้องหาที่ 2 อยู่ต่างประเทศ ให้จัดการให้ได้ตัวมาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 141วรรคท้าย (ส่งผู้ร้ายข้ามแดน) โดยให้ปฏิบัติตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาโดยเคร่งครัด และตรวจสอบประวัติการกระทำความผิดให้ครบถ้วน

สำหรับคดีทุจริตใน STARK มา พนักงานอัยการฯได้ยื่นฟ้องผู้ต้องหาในคดีทุจริต STARK ไปเเล้ว 7 ราย ล่าสุดเมื่อวานนี้(9ก.พ.2567) ได้ยื่นฟ้องต่อศาลเพิ่มเติมอีก 2 ราย นางสาวยสบวร อำมฤต และนายกิตติศักดิ์ จิตต์ประเสริฐ ในความผิดตาม พ.ร.บ.หลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ.2535 ฐานตกแต่งบัญชีและงบการเงิน และฐานฉ้อโกงประชาชนฯ ข้อหายักยอกทรัพย์ และข้อหาฟอกเงิน

โดยนายกิตติศักดิ์ได้ยื่นขอประกันตัว แต่ศาลได้มีคำสั่งยกคำร้องขอปล่อยชั่วคราว เนื่องจากเห็นว่า คดีนี้ก่อให้เกิดความเสียหายแก่ประชาชนจำนวนมาก มีผลกระทบต่อเศษฐกิจในวงกว้าง และมีมูลค่าความเสียหายสูง เป็นกรณีร้ายแรง หากปล่อยชั่วคราว มีเหตุอันควรเชื่อว่าจะหลบหนี ศาลฯจึงไม่อนุญาตให้ปล่อยชั่วคราว ส่วนนางสาวยสบวร ไม่ได้ยื่นประกันขอประกันตัว เจ้าหน้าที่ฯได้ควบคุมตัวทั้ง 2 รายไปยังเรือนจำ