ธุรกิจแลกเงินคึกคัก รับท่องเที่ยวฟื้นตัว

10 พ.ย. 2566 | 08:51 น.
อัปเดตล่าสุด :10 พ.ย. 2566 | 08:51 น.

ธุรกิจแลกเงินรับอานิสงส์ท่องเที่ยวฟื้น ดันมูลค่าซื้อขายสกุลเงินรวมกว่า 2.57 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ ขยับเพิ่ม 4.71% ค่ายทเวลฟ์ชี้ แนวโน้มโตต่อเนื่อง จากมาตรการรัฐหนุนท่องเที่ยว แถมเด็กปิดเทอม

ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) รายงานจำนวนนักท่องเที่ยวต่างประเทศช่วง 9 เดือนแรกปี 2566 (มกราคม-กันยายน) รวมทั้งสิ้น 20 ล้านคนเพิ่มขึ้น 254.98% จากช่วงเดียวกันปีก่อนอยู่ที่ 5.63 ล้านคน โดยส่วนใหญ่เป็นนักท่องเที่ยวจากเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เอเชียตะวันออกเฉียงเหนือ เอเชียใต้ ยุโรป ตะวันออกกลางและแอฟริกา 

ขณะที่ปริมาณธุรกรรมซื้อขายเงินตราต่างประเทศของธนาคารพาณิชย์ช่วง 9 เดือนแรกของปี 2566 พบว่า มีมูลค่าการซื้อขายรวม 2,570,897 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 115,657 ล้านดอลลาร์สหรัฐหรือเพิ่มขึ้น 4.71%จาก 2,455,240 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน

ธุรกิจแลกเงินคึกคัก รับท่องเที่ยวฟื้นตัว

ทั้งนี้หากแยกรายเดือนพบว่า เดือนมกราคม ปริมาณซื้อขายรวม 305,739 ล้านดอลลลาร์สหรัฐ เดือนกุมภาพันธ์ 309,035 ล้านดอลลาร์สหรัฐเดือนมีนาคม 301,380 ล้านดอลลาร์สหรัฐเดือนเมษายน 238,717 ล้านดอลลาร์สหรัฐเดือนพฤษภาคม 281,170 ล้านดอลลาร์สหรัฐเดือนมิถุนายน 303,788 ล้านดอลลาร์สหรัฐเดือนกรกฎาคม 266,204 ล้านดอลลาร์สหรัฐเดือนสิงหาคม 292,282 ล้านดอลลาร์สหรัฐและเดือนกันยายน 272,582 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

อย่างไรก็ตามเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อนพบว่า ส่วนใหญ่จะมีอัตราเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะช่วงต้นปีที่เพิ่มขึ้นสูงมาก มีเพียง 2 เดือนเท่านั้นที่ปริมาณธุรกรรมการซื้อขายเงินตราต่างประเทศไทยของธนาคารพาณฺชย์ลดลงคือ เดือนพฤษภาคมและเดือนมิถุนายน

ขณะที่สิ้นเดือนสิงหาคม 2566 มีบุคคลรับอนุญาตรวม 1,960 รายลดลง 312 รายหรือลดลง 13.73% จากเดือนมกราคมอยู่ที่ 2,272 รายลดลง 422 รายหรือ 17.71% จากสิ้นปี 2562 อยู่ที่ 2,382 ราย

นางสาวชนาพร พูนทรัพย์หิรัญ ประธานกรรมการ บริษัท ทเวลฟ์ วิคทอรี่ เอ็กเชน จำกัดเปิดเผย  “ฐานเศรษฐกิจ”ว่า ธุรกิจซื้อขายเงินตราต่างประเทศจะขึ้นกับจำนวนนักท่องเที่ยว ดังนั้นมาตรการสนับสนุนการท่องเที่ยวต่อเนื่อง ประกอบกับเป็นช่วงเด็กปิดเทอม จึงคาดว่า แนวโน้มปริมาณธุรกรรมการซื้อขายเงินตราต่างประเทศหน้าเคาน์เตอร์ไตรมาส 4 ถึงสิ้นปีนี้ น่าจะดีขึ้นต่อเนื่อง

นางสาวชนาพร พูนทรัพย์หิรัญ ประธานกรรมการ บริษัท ทเวลฟ์ วิคทอรี่ เอ็กเชน จำกัด

ทั้งนี้ช่วงที่ผ่านมา สกุลเงินของประเทศยอดฮิตยังคงเป็นในเอเชียอย่าง ญี่ปุ่น เกาหลี ไต้หวัน เวียดนามและจีนที่เปิดเส้นทางท่องเที่ยวใหม่ แต่ปริมาณการซื้อขายจะน้อยลงสำหรับนักท่องเที่ยวโซนยุโรป ฝรั่งเศส อังกฤษ ออสเตรเลีย อาจจะเป็นผลพวงจากเศรษฐกิจโลกที่ถดถอยลง รวมทั้งสถานการณ์สงครามด้วย ทำให้นักท่องเที่ยวใช้จ่ายอย่างระมัดระวัง ไม่แลกเงินเหมือนในอดีต ซึ่งยอมรับว่า สงครามอิสราเอล-กลุ่มฮามาสนั้น ทำให้นักท่องเที่ยวหายไปกลุ่มหนึ่ง

ในส่วนของบริษัท ทเวลฟ์ วิคทอรี่ เอ็กเชนช่วง 10 เดือนแรกปีนี้ นางสาวชนาพร กล่าวว่า มูลค่าการขายสกุลเงินต่างประเทศรวม 16,264 ล้านบาท ถือว่ามีแนวโน้มดีขึ้นเมื่อเทียบช่วงเดียวกันปีก่อน โดยช่วง 4-5 เดือนแรกของปี มูลค่าการขายยังอยู่แถว 1,282-1,487 ล้านบาทค่อนข้างทรงตัว แต่เริ่มมีสัญญาณบวกกลับมาตั้งแต่เดือนพฤษภาคม-กันยายน 2566 

เห็นได้จากเดือนมกราคมมูลค่าขาย 1,487 ล้านบาท เดือนมิถุนายน 1,794 ล้านบาท เดือนกรกฎาคม 1,832 ล้านบาทเดือนสิงหาคม 1,975 ล้านบาท เดือนกันยายน 1,959 ล้านบาท แต่เดือนตุลาคมลดลงมาอยู่ที่ 1,615 ล้านบาท โดยสาขาของทเวลฟ์

วิคตอรี่ฯที่มีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติมาก มูลค่าการขายสกุลเงินยังเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด เช่น สาขาสามย่านหรือพัทยาจะ มีทั้งนักท่องเที่ยวสัญชาติเอเชีย ยุโรปและอื่นๆอีกหลายประเทศ ทำให้เศรษฐกิจในพัทยาดีขึ้นจากเดิม 70-80% หรือภูเก็ตก็มีสัญญาณคึกคักขึ้น หลังจากชาวรัสเซียเริ่มกลับเข้ามาเมื่อเดือนกรกฎาคม-กันยายน ซึ่งสัญชาติรัสเซียนั้น จะมีทั้งนักท่องเที่ยวและลงทุน นอกจากนี้เดือนตุลาคมที่ผ่านมา ชาวอินเดียก็เดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในภูเก็ต ทำให้เศรษฐกิจภูเก็ตดีขึ้นจากเดิมถึง 80-85%

อย่างไรก็ตาม ภาพรวมที่ผ่านมา 10 เดือนปีนี้ จากการพูดคุยกันในวงการธุรกิจแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ มีข้อสังเกตุถึงพฤติกรรมการขายและซื้อสกุลเงินต่างประเทศ ซึ่งเป็นปรากฎการณ์ใหม่ โดยพบว่า นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่จะเเลกซื้อหรือขายเงินแค่พอใช้ ด้วยการแลกซื้อขายต่อครั้งปริมาณไม่เยอะ แต่มีความถี่ในการแลกซื้อขาย ซึ่งต่างจากอดีตที่เคยซื้อขายกันเป็นหลักหมื่นบาทขึ้นไป

 “ในรอบปีนี้ บิลการแลกซื้อขายสกุลเงินมีปริมาณเยอะจริง แต่วงเงินการแลกต่อครั้งจะน้อยลง ถ้าเทียบกับการแลกต่อครั้งในปีก่อนๆ เช่น 25,000 บาทขึ้นไปต่อคนต่อบิล แต่ตอนนี้แลกกัน 3,000-5,000 บาท บางคนแลกไม่ถึง 1,000 บาท นอกจากนั้น นักท่องเที่ยวอาจจะมีการปรับเปลี่ยนรูปแบบการเที่ยวโดยปัจจุบันจะเดินทางมาในรูปแบบแบ๊กเเพคเพิ่มมากขึ้นจากที่ผ่านมาจะมากันเป็นกรุ๊ปทัวร์หรือมาเป็นหมู่คณะ” นางสาวชนาพร กล่าว

สำหรับนโยบายสาขานั้น บริษัทอยู่ระหว่างทำจัดแผนธุรกิจสำหรับปี 2567 ซึ่งก่อนหน้าวิกฤติโควิด-19 บริษัทเน้นกลยุทธ์ป่าล้อมเมือง โดยเปิดสาขาในต่างจังหวัดเพื่อทำตลาดสู้กับส่วนกลาง แต่วิกฤติโควิดที่ผ่านมา ได้ปิดสาขาไปกว่า 60 แห่ง ปัจจุบันทยอยเปิดสาขากลับมาได้เพียง 30 สาขาและกำลังวางแบบแผนการทำงานให้เหมาะสมกับยุคปัจจุบัน แต่ที่ผ่านมา บริษัทได้เพิ่มประสิทธิภาพทั้งการพัฒนาและปรับปรุงเทคโนโลยีและพนักงานเพื่อรองรับลูกค้าอย่างทั่วถึง

 

หน้า 13  หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 43 ฉบับที่ 3,939 วันที่ 12 - 15 พฤศจิกายน พ.ศ. 2566