ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) รายงานจำนวนนักท่องเที่ยวต่างประเทศช่วง 9 เดือนแรกปี 2566 (มกราคม-กันยายน) รวมทั้งสิ้น 20 ล้านคนเพิ่มขึ้น 254.98% จากช่วงเดียวกันปีก่อนอยู่ที่ 5.63 ล้านคน โดยส่วนใหญ่เป็นนักท่องเที่ยวจากเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เอเชียตะวันออกเฉียงเหนือ เอเชียใต้ ยุโรป ตะวันออกกลางและแอฟริกา
ขณะที่ปริมาณธุรกรรมซื้อขายเงินตราต่างประเทศของธนาคารพาณิชย์ช่วง 9 เดือนแรกของปี 2566 พบว่า มีมูลค่าการซื้อขายรวม 2,570,897 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 115,657 ล้านดอลลาร์สหรัฐหรือเพิ่มขึ้น 4.71%จาก 2,455,240 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน
ทั้งนี้หากแยกรายเดือนพบว่า เดือนมกราคม ปริมาณซื้อขายรวม 305,739 ล้านดอลลลาร์สหรัฐ เดือนกุมภาพันธ์ 309,035 ล้านดอลลาร์สหรัฐเดือนมีนาคม 301,380 ล้านดอลลาร์สหรัฐเดือนเมษายน 238,717 ล้านดอลลาร์สหรัฐเดือนพฤษภาคม 281,170 ล้านดอลลาร์สหรัฐเดือนมิถุนายน 303,788 ล้านดอลลาร์สหรัฐเดือนกรกฎาคม 266,204 ล้านดอลลาร์สหรัฐเดือนสิงหาคม 292,282 ล้านดอลลาร์สหรัฐและเดือนกันยายน 272,582 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
อย่างไรก็ตามเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อนพบว่า ส่วนใหญ่จะมีอัตราเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะช่วงต้นปีที่เพิ่มขึ้นสูงมาก มีเพียง 2 เดือนเท่านั้นที่ปริมาณธุรกรรมการซื้อขายเงินตราต่างประเทศไทยของธนาคารพาณฺชย์ลดลงคือ เดือนพฤษภาคมและเดือนมิถุนายน
ขณะที่สิ้นเดือนสิงหาคม 2566 มีบุคคลรับอนุญาตรวม 1,960 รายลดลง 312 รายหรือลดลง 13.73% จากเดือนมกราคมอยู่ที่ 2,272 รายลดลง 422 รายหรือ 17.71% จากสิ้นปี 2562 อยู่ที่ 2,382 ราย
นางสาวชนาพร พูนทรัพย์หิรัญ ประธานกรรมการ บริษัท ทเวลฟ์ วิคทอรี่ เอ็กเชน จำกัดเปิดเผย “ฐานเศรษฐกิจ”ว่า ธุรกิจซื้อขายเงินตราต่างประเทศจะขึ้นกับจำนวนนักท่องเที่ยว ดังนั้นมาตรการสนับสนุนการท่องเที่ยวต่อเนื่อง ประกอบกับเป็นช่วงเด็กปิดเทอม จึงคาดว่า แนวโน้มปริมาณธุรกรรมการซื้อขายเงินตราต่างประเทศหน้าเคาน์เตอร์ไตรมาส 4 ถึงสิ้นปีนี้ น่าจะดีขึ้นต่อเนื่อง
ทั้งนี้ช่วงที่ผ่านมา สกุลเงินของประเทศยอดฮิตยังคงเป็นในเอเชียอย่าง ญี่ปุ่น เกาหลี ไต้หวัน เวียดนามและจีนที่เปิดเส้นทางท่องเที่ยวใหม่ แต่ปริมาณการซื้อขายจะน้อยลงสำหรับนักท่องเที่ยวโซนยุโรป ฝรั่งเศส อังกฤษ ออสเตรเลีย อาจจะเป็นผลพวงจากเศรษฐกิจโลกที่ถดถอยลง รวมทั้งสถานการณ์สงครามด้วย ทำให้นักท่องเที่ยวใช้จ่ายอย่างระมัดระวัง ไม่แลกเงินเหมือนในอดีต ซึ่งยอมรับว่า สงครามอิสราเอล-กลุ่มฮามาสนั้น ทำให้นักท่องเที่ยวหายไปกลุ่มหนึ่ง
ในส่วนของบริษัท ทเวลฟ์ วิคทอรี่ เอ็กเชนช่วง 10 เดือนแรกปีนี้ นางสาวชนาพร กล่าวว่า มูลค่าการขายสกุลเงินต่างประเทศรวม 16,264 ล้านบาท ถือว่ามีแนวโน้มดีขึ้นเมื่อเทียบช่วงเดียวกันปีก่อน โดยช่วง 4-5 เดือนแรกของปี มูลค่าการขายยังอยู่แถว 1,282-1,487 ล้านบาทค่อนข้างทรงตัว แต่เริ่มมีสัญญาณบวกกลับมาตั้งแต่เดือนพฤษภาคม-กันยายน 2566
เห็นได้จากเดือนมกราคมมูลค่าขาย 1,487 ล้านบาท เดือนมิถุนายน 1,794 ล้านบาท เดือนกรกฎาคม 1,832 ล้านบาทเดือนสิงหาคม 1,975 ล้านบาท เดือนกันยายน 1,959 ล้านบาท แต่เดือนตุลาคมลดลงมาอยู่ที่ 1,615 ล้านบาท โดยสาขาของทเวลฟ์
วิคตอรี่ฯที่มีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติมาก มูลค่าการขายสกุลเงินยังเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด เช่น สาขาสามย่านหรือพัทยาจะ มีทั้งนักท่องเที่ยวสัญชาติเอเชีย ยุโรปและอื่นๆอีกหลายประเทศ ทำให้เศรษฐกิจในพัทยาดีขึ้นจากเดิม 70-80% หรือภูเก็ตก็มีสัญญาณคึกคักขึ้น หลังจากชาวรัสเซียเริ่มกลับเข้ามาเมื่อเดือนกรกฎาคม-กันยายน ซึ่งสัญชาติรัสเซียนั้น จะมีทั้งนักท่องเที่ยวและลงทุน นอกจากนี้เดือนตุลาคมที่ผ่านมา ชาวอินเดียก็เดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในภูเก็ต ทำให้เศรษฐกิจภูเก็ตดีขึ้นจากเดิมถึง 80-85%
อย่างไรก็ตาม ภาพรวมที่ผ่านมา 10 เดือนปีนี้ จากการพูดคุยกันในวงการธุรกิจแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ มีข้อสังเกตุถึงพฤติกรรมการขายและซื้อสกุลเงินต่างประเทศ ซึ่งเป็นปรากฎการณ์ใหม่ โดยพบว่า นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่จะเเลกซื้อหรือขายเงินแค่พอใช้ ด้วยการแลกซื้อขายต่อครั้งปริมาณไม่เยอะ แต่มีความถี่ในการแลกซื้อขาย ซึ่งต่างจากอดีตที่เคยซื้อขายกันเป็นหลักหมื่นบาทขึ้นไป
“ในรอบปีนี้ บิลการแลกซื้อขายสกุลเงินมีปริมาณเยอะจริง แต่วงเงินการแลกต่อครั้งจะน้อยลง ถ้าเทียบกับการแลกต่อครั้งในปีก่อนๆ เช่น 25,000 บาทขึ้นไปต่อคนต่อบิล แต่ตอนนี้แลกกัน 3,000-5,000 บาท บางคนแลกไม่ถึง 1,000 บาท นอกจากนั้น นักท่องเที่ยวอาจจะมีการปรับเปลี่ยนรูปแบบการเที่ยวโดยปัจจุบันจะเดินทางมาในรูปแบบแบ๊กเเพคเพิ่มมากขึ้นจากที่ผ่านมาจะมากันเป็นกรุ๊ปทัวร์หรือมาเป็นหมู่คณะ” นางสาวชนาพร กล่าว
สำหรับนโยบายสาขานั้น บริษัทอยู่ระหว่างทำจัดแผนธุรกิจสำหรับปี 2567 ซึ่งก่อนหน้าวิกฤติโควิด-19 บริษัทเน้นกลยุทธ์ป่าล้อมเมือง โดยเปิดสาขาในต่างจังหวัดเพื่อทำตลาดสู้กับส่วนกลาง แต่วิกฤติโควิดที่ผ่านมา ได้ปิดสาขาไปกว่า 60 แห่ง ปัจจุบันทยอยเปิดสาขากลับมาได้เพียง 30 สาขาและกำลังวางแบบแผนการทำงานให้เหมาะสมกับยุคปัจจุบัน แต่ที่ผ่านมา บริษัทได้เพิ่มประสิทธิภาพทั้งการพัฒนาและปรับปรุงเทคโนโลยีและพนักงานเพื่อรองรับลูกค้าอย่างทั่วถึง
หน้า 13 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 43 ฉบับที่ 3,939 วันที่ 12 - 15 พฤศจิกายน พ.ศ. 2566