หลังจากรัฐบาลเดินหน้าแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบ โดยถือเป็นวาระแห่งชาติที่รัฐฯพยายามจะช่วยเหลือบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชน ซึ่งในวันที่ 1 ธันวาคมเป็นต้นไป จะเปิดให้"ลงทะเบียนแก้หนี้นอกระบบ" โดยลูกหนี้สามารถลงทะเบียนผ่านเว็บไซต์ (คลิกที่นี่) หรือ โทรไปที่ศูนย์ดำรงธรรม หรือ ศูนย์อำนวยการแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบในอำเภอต่างๆ หรือ ตามสำนักงานเขตทุกแห่งในกทม.
หลังจากลูกหนี้ลงทะเบียนแก้หนี้นอกระบบแล้ว รัฐฯจะเป็นตัวกลางในการไกล่เกลี่ยระหว่างลูกหนี้และเจ้าหนี้ และจะมีการทำสัญญาที่เป็นธรรมถูกต้องตามกฎหมายและจะมีฐานข้อมูลกลาง แทรคกิ้งไอดีติดตามผลได้ ขณะเดียวกันกระทรวงการคลังก็จะมาดูแลต่อหลังจากไกล่เกลี่ยกันเรียบร้อยแล้ว อย่างไรก็ตามหากลูกหนี้ต้องการแก้หนี้นอกระบบก็สามารถที่จะเข้าไปศึกษาข้อมูลหรือขอสินเชื่อจากธนาคารของรัฐฯทั้ง 2 แห่งอย่าง ธนาคารออมสินและ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร ธ.ก.ส. โดยมีโครงการต่างๆที่น่าสนใจดังนี้
ชื่อโครงการ
วัตถุประสงค์
รายละเอียดสินเชื่อวงเงินกู้
รายละเอียด-คุณสมบัติผู้สมัคร
หลักประกันเงินกู้
เอกสารประกอบการขอกู้
ชื่อโครงการ
เงื่อนไขการเข้าร่วม
ช่องทางการเข้าร่วม
อนึ่งนายกฤษฎา จีนะวิจารณะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า ในส่วนกระทรวงการคลัง นายกรัฐมนตรีได้สั่งการให้กระทรวงการคลังมาดูแลประชาชนที่เป็นลูกหนี้นอกระบบ หลังจากที่มีการปรับโครงสร้าง และไกล่เกลี่ยกันเรียบร้อยแล้ว โดยจะมาดูแลโดยธนาคารของรัฐ เช่น
ธนาคารออมสิน ซึ่งขณะนี้มีโครงการอยู่แล้ว ในเรื่องของการแก้ไขหนี้นอกระบบ โดยจะให้กู้ต่อรายไม่เกิน 50,000 บาท ระยะเวลา 5 ปี อีกส่วนหนึ่งจะเป็นโครงการสินเชื่อ สำหรับอาชีพอิสระ เพื่อรายย่อย เพื่อการส่งเสริมอาชีพ ซึ่งเป็นอีกโครงการหนึ่งที่ให้กู้ไม่เกิน 100,000 บาทต่อราย ระยะเวลาสูงสุด 8 ปี ส่วนอัตราดอกเบี้ย เป็นไปตามความสามารถของลูกหนี้แต่ละราย
นอกจากนั้นธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ยังมีโครงการมารองรับ ในเรื่องของการที่นำที่ดินไปขายฝาก หรือติดจำนองกับทางหนี้นอกระบบและได้มีการแก้ไขแล้ว ธ.ก.ส. ก็มีวงเงินสำหรับเกษตรกรต่อรายไม่เกิน 2.5 ล้านบาท ในเรื่องของการแก้ไขที่ทำกิน ซึ่งตรงนี้เป็นส่วนในเรื่องของธนาคารของรัฐที่จะเข้ามาดูแลหลังจากที่มีการไกล่เกลี่ยกันเรียบร้อยแล้ว
สำหรับผู้ประกอบการที่สนใจจะดำเนินการให้ถูกกฎหมายทางรัฐก็มีช่องทางให้ดำเนินการขออนุญาตเรื่องของพิโกไฟแนนซ์ ซึ่งวันนี้มีผู้มาขออนุญาตไปแล้วพันกว่ารายทั่วประเทศ โดยต่อราย มีทุนจดทะเบียน 5 ล้านบาทเท่านั้น แต่หลักการไม่ให้ฝากเงิน ให้ใช้เงินของท่านกู้เงินอย่างเดียว